“กษิต” มั่นใจชนะคดีพระวิหาร ‘ฮอร์ นัมฮง’โวได้เปรียบ
"กษิต" ระบุทำการบ้าน 2 ปี ยันเอ็มโอยูกุญแจสำคัญ แฉเล่ห์เขมรยื่นถอนทหารหวังฮุบพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ใช้สิทธิอ้างมรดกโลก พันธมิตรฯจี้ไทยถอนตัวหวั่นแพ้ซ้ำรอยอดีต ขณะที่ "ฮอร์ นัมฮง" ก็อ้างกัมพูชาได้เปรียบ
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังเดินทางกลับจากการชี้แจงต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ กรณีที่กัมพูชายื่นคำร้องขอตีความคำพิพากษาของศาลโลกปี 2505 พร้อมขอให้ศาลออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่บริเวณ รอบปราสาทพระวิหารว่า การเดินทางไปครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไทยต้องไปโต้เถียงและแสดงความคิดเห็นต่อ ศาลโลก ซึ่งจุดประสงค์ที่กัมพูชายื่นเรื่องในครั้งนี้มีนัย
"หากว่า กัมพูชาสามารถทำให้ฝ่ายไทยถอนทหารออกจากพื้นที่นี้ได้ ก็แสดงว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.นี้ก็จะตกอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา โดยอ้างว่าการพิจารณาของศาลเพื่อจะให้ฝ่ายไทยถอนทหารออกไปนั้นให้ใช้แผนที่ 1:200,000 ตร.กม.เป็นตัวตั้ง ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้ฝ่ายกัมพูชาไปอ้างต่อคณะกรรมการมรดกโลกและยูเนสโก ได้ว่าขณะนี้พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารได้ตกมาเป็นของกัมพูชาแล้ว ดังนั้นเรื่องที่ค้างอยู่ไม่ว่าจะเป็นแผนบริหารจัดการต่อเนื่องจากการที่ ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแล้ว ก็สามารถจัดการได้ทันที” นายกษิตระบุ
รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า สิ่งที่ไทยได้โต้แย้งกัมพูชานั้น ตามมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญศาลโลก ศาลจะสามารถตีความได้ต้องเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากมติของการพิจารณาคดี เมื่อปี 2505 ดังนั้นศาลจะใช้แผนที่ 1:200,000 ตร.กม. เพื่อพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวกับเขตแดน ซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจของมาตรา 60 ไม่ได้ เท่ากับเป็นการพิจารณาคำตัดสินล่วงหน้า เป็นการได้มาซึ่งดินแดนและเขตแดนโดยศาลโลกไปโดยปริยาย จึงถือว่าเป็นการเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของศาลโลก
ส่วน ที่ประธานผู้ พิพากษาชาวญี่ปุ่นมีคำสั่งให้ฝ่ายไทยและกัมพูชาจัดทำข้อมูลเหตุการณ์การปะทะ กันตามแนวชายแดนเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งให้ศาลโลกภายในวันที่ 7 มิ.ย.นี้นั้น หากว่าทั้ง 2 ฝ่ายไม่ปฏิบัติตามคำพิจารณาคดีของศาล เรื่องทั้งหมดจะไม่สามารถย้อนกลับมาที่ศาลโลกได้อีก เพราะศาลไม่มีอำนาจในการบังคับให้ถอนทหารหรือไม่ แต่เรื่องนี้อยู่ในอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี)
เมื่อ ถามว่า มั่นใจมากน้อยแค่ไหนว่าผลการชี้แจงจะออกมาเป็นบวกกับประเทศไทย นายกษิตกล่าวว่า เรื่องนี้เหมือนกับทีมฟุตบอล ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมก่อนวันลงสนามแข่งขัน ซึ่งไทยได้เตรียมการเรื่องนี้กับคณะที่ปรึกษาทนายมาเป็นเวลา 2 ปี อีกทั้งยังส่งเจ้าหน้าที่ออกไปค้นคว้าที่หอจดหมายเหตุของประเทศฝรั่งเศส หลังจากนี้จะส่งทีมไปค้นคว้าที่กรุงวอชิงตันและนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะดำเนินการอย่างไม่ลดละ คิดว่าได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี พร้อมทั้งตกลงกับทีมคณะที่ปรึกษาถึงเรื่องยุทธวิธีในการกล่าวคำชี้แจงอีก ด้วย ทั้งนี้เท่าที่ตรวจสอบจากสื่อต่างๆ หลายแขนง ตนคิดว่าผลออกมาเป็นบวกกับฝ่ายไทย
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การส่งข้อมูลผลกระทบจากเหตุการณ์การปะทะกันตามแนวชายแดนจะเป็นผลเชิงบวกหรือ ลบต่อประเทศไทย นายกษิต กล่าวว่า เป็นข้อเท็จจริง เพราะข้อมูลทั้งหมดปรากฏตามทีวีโทรทัศน์ไทยทุกแห่ง อยู่ในสื่อต่างๆ มากมาย ซึ่งจะส่งเป็นภาพเคลื่อนไหวไปด้วยใน 2 จุด คือ 1.บริเวณปราสาทพระวิหาร และ 2.บริเวณ ปราสาทตาเมือน อย่างไรก็ตาม หากผลการพิจารณาคดีเกิดขึ้นภายในปลายเดือน มิ.ย. หรือต้นเดือน ก.ค.นี้ ตนจะนำทีมเดินทางไปฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง
"ยืน ยันว่าเอ็มโอยูเป็นกุญแจ สำคัญ ที่จะบอกกับสหประชาชาติ อาเซียน ยูเนสโก และศาลโลก ว่ามีกลไกตรงนี้ ซึ่งประเด็นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย ขอย้ำว่าไทยพร้อมให้อินโดนีเซียส่งคณะผู้สังเกตการณ์เข้ามาในประเทศไทย ฝ่ายกัมพูชาจะได้ประกาศวันที่จะดำเนินการประชุมจีบีซี ส่วนเจบีซีได้ประชุมไปแล้ว ขั้นต่อไปเพื่อที่จะมาคัดเลือกบริษัทในการทำแผนที่ทางอากาศ ขอร้องให้ทุกฝ่ายหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดให้ข้อมูลบิดเบือนแก่ประชาชน อีกทั้งยังมีอดีตนายกฯ ของไทยที่ออกมาประณามไทย น่าจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้” รมว.การต่างประเทศกล่าว
ส่วนกรณีที่ กัมพูชายื่นร้องตีความคำพิพากษาของศาลโลก ปี 2505 นั้น เราจะเริ่มส่งเอกสารเรื่องชี้แจงเรื่องการตีความนี้ ประมาณเดือน ก.ย. แต่มีประเด็นว่าก่อนสิ้นปีนี้จะมีการเปลี่ยนผู้พิพากษา 5 คนใน 15 คน จึงไม่ทราบว่าศาลจะให้ผู้พิพากษาทั้ง 15 คนนี้ดำเนินการพิจารณาคดีให้แล้วเสร็จก่อนหรือไม่ แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัตินั้น ก็ให้ทำคดีให้แล้วเสร็จก่อน
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในช่วงนี้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ มีเพียงการปรับปรุงฐานที่ตั้งของแต่ละฝ่ายเพื่อให้มีความมั่นคงแข็งแรงขึ้น แต่ในเรื่องของความสัมพันธ์ทางทหารนั้นทั้ง 2 ฝ่ายยังสามารถที่จะพูดคุยกันได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าทหารไทยยังไม่มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา และกำลังทั้งหมดจะทำหน้าที่ดูแลแนวชายแดนอย่างถาวร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางกองทัพภาคที่ 2 จะทำตามแนวนโยบายของรัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกองทัพบก ทุกอย่างหากมีคำสั่งที่ชัดเจนลงมาในพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งใดๆ ออกมา
ทางด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การที่ศาลให้ทั้ง 2 ฝ่ายยื่นหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนของเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับฝ่ายไทย เพราะเป็นท่าทีว่าศาลโลกกำลังเดินหน้าในการพิจารณาในส่วนของรายละเอียดคดี ต่อไป โดยไม่คำนึงถึงอำนาจของศาลว่าจะสามารถวินิจฉัยได้หรือไม่
ทั้งนี้ แม้ว่าภาพรวมการต่อสู้ของทีมทนายฝ่ายไทยในศาลโลกนั้นมีความคล้ายคลึงกับแนว ทางที่ภาคประชาชนพยายามนำเสนอ แต่เมื่อพิจารณาลงในรายละเอียดพบว่ามีความแตกต่าง โดยฝ่ายไทยยังใช้เอ็มโอยู 2543 ในการยืนยันว่าเส้นเขตแดนยังไม่ชัดเจน ขณะที่กัมพูชาใช้เอ็มโอยู 2543 ยืนยันว่าการจัดทำหลักเขตแดนแล้วเสร็จตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เพื่อยืนยันเส้นเขตแดนของตัวเอง จากเหตุนี้เมื่อฝ่ายไทยไม่ยืนยันเขตแดนของตัวเอง จึงไม่สามารถใช้ข้อสงวนสิทธิ์เมื่อปี 2505 ได้ และนำพาประเทศไปสู่ความสุ่มเสี่ยง
"หาก เราถลำลึกไปมากกว่านี้ หมายความว่าการพิพากษาจะดำเนินการต่อหลังจากที่ศาลโลกมีคำสั่งคุ้มครองชั่ว คราวออกมา ก็เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในวงกว้าง เพราะจะมีการตีความเพิ่มเติมคำพิพากษาศาลโลกเมื่อปี 2505 ทำให้ข้อพิพาทไม่จำกัดอยู่ที่ปราสาทพระวิหารอีกต่อไป แต่อาจบานปลายไปถึงพื้นที่อื่นๆ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนถึงพื้นที่ทางทะเลอีกด้วย"
นายปานเทพ กล่าวและว่ายังไม่สายเกินไปที่ไทยจะถอนตัว โดยก่อนที่จะมีคำพิพากษาออกมา ดำเนินการให้ชัดเจนว่าไทยไม่รับอำนาจของศาลโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงาน ว่า นายฮอร์ นัมฮง กล่าวที่สนามบินนานาชาติพนมเปญ ภายหลังเดินทางกลับจากการชี้แจงต่อศาลโลกว่า ด้วยกลไกทางกฎหมายในระดับสากล จุดยืนของกัมพูชาจึงได้เปรียบกว่าไทย เนื่องจากกัมพูชามีเอกสารและแผนที่ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประเด็นปราสาทพระวิหาร อย่างไรก็ดี การตัดสินใจนั้นเป็นอำนาจของศาล และไม่ว่าศาลจะตัดสินออกมาในรูปแบบใด จะไม่ทำให้กัมพูชาเสียหาย เนื่องจากกัมพูชาเป็นผู้ยื่นคำร้อง.
