เรื่อง"ข้าว" ที่รัฐบาลต้องไม่ลืม
ตั้งแต่ "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" เข้ามานั่งรัฐมนตรีพาณิชย์ คงทำให้นายกฯยิ่งลักษณ์เบาใจไปเยอะ เพราะบุคลิกที่นิ่มนวลสุภาพไม่ท้าทายใคร ที่สำคัญคนเชื่อความเป็นคนมือสะอาด ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะหาประโยชน์ทำให้เรื่องข้าวลดความร้อนแรงลงไปค่อนข้างมาก
ขณะที่รัฐบาลกำลังเดินหน้ารับจำนำข้าวฤดูใหม่ แต่ควรเหลียวมองข้างหลังแล้วก้มลงดูขยะที่ซุกอยู่ใต้พรมบ้าง อย่าปล่อยหมักหมมจนเหม็นเน่าไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "สต๊อกลม" ที่มีรายงานระบุว่ามีข้าวหายไปจากโกดังไม่ต่ำกว่า 3 ล้านตัน จนป่านนี้ก็ยังเงียบฉี่จับมือใครดมไม่ได้
กรณีข้าวถุงที่ครม.มีมติอนุมัติตั้งแต่ต้นปี ให้นำข้าวจากโครงการรับจำนำ 2 ล้านตันมาทำข้าวถุงเพื่อลดภาระค่า ครองชีพประชาชนโดยรัฐบาลยอมขายให้ราคาต่ำกว่าราคารับจำนำ ครึ่งหนึ่ง หรือตันละ 7,250 บาท มาทำข้าวราคาถูกขนาด 5 กิโลกรัม ถุงละ 70 บาท ภายใต้ยี่ห้อ อคส.เป็นเวลา 6 เดือน สิ้นสุดโครงการสิ้นเดือนที่แล้ว
ปรากฏว่ามีข้าวถุงวางขายไม่เกิน 5% หรือ 1 แสนตันที่เหลือ 1.9 ล้านตัน ไม่ทราบล่องหนไปไหน มีข่าวว่าถูกนำไปเวียนเทียนขายคืนเป็น"เปาเกา"กลับคืนโรงสีส่วนหนึ่ง ที่เหลือขายให้กับพ่อค้าข้าวถุง ในราคาตันละ 1.45 หมื่นบาท ต่ำกว่าราคาประกัน
ข้าวถุงล่องหนทำเงินหล่นหายไปเกือบๆ 1.5 หมื่นล้านบาท ไม่รู้ไปอยู่ในกระเป๋าใคร แต่มันต้องมีฝูงเหลือบฉกฉวยเอามาใส่กระเป๋าตัวเองแน่ๆ
อีกเรื่องกรณีสารปนเปื้อนในข้าวถุงที่มูลนิธิคุ้มครอง ผู้บริโภคอ้างว่าตรวจพบก่อนหน้านี้ อย่าให้เงียบหายไปเฉยๆ ไม่ใช่จะไปกล่าวหาใครว่ามักง่าย แต่รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลสุขภาพประชาชนซึ่งสำคัญกว่า
อย่าปล่อยให้เงียบหายโดยไม่ได้มีการพิสูจน์ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ อย่างโปร่งใส แล้วเปิดเผยให้สาธาณชนรับทราบไม่ใช่แค่เชื่อคำพูดอธิบดีกรมต่างๆ แล้วจบโดยธรรมชาติข้าราชการยุคไหนๆ ปกป้องพ่อค้าธุรกิจกันทั้งนั้น
แม้นายกฯกินข้าวโชว์ หรือสมาคมผู้ผลิตข้าวถุงประกาศจ่าย 20 ล้านบาทไม่ได้มีหลักประกันอะไรว่าข้าวถุงไม่มีปัญหาแม้สมาชิกสมาคมไม่มีปัญหาแต่มีอีกร้อยๆ ยี่ห้อที่ไม่สังกัดสมาคม การพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้นจะทำให้ ผู้บริโภคมั่นใจ นอกจากจะแสดงให้ชาวบ้านเห็นว่ารัฐบาลห่วงใยประชาชนจริงๆ แล้วยังการันตีให้เอกชนที่ทำดีอีกด้วย
อยากฝากรัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่ต้องไม่ปล่อยให้ทั้ง 3 เรื่องนี้เงียบหายไปเฉยๆ
ขอขอบคุณข่าวจาก

