นักวิชาการชี้โค้งแรกนโยบายไม่เปรี้ยง ดีแต่แข่ง'ลดแลกแจกแถม'
วัน ที่ 5 มิ.ย. นายวรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวถึงภาพรวมการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า ยังไม่มีพรรคใดแสดงวิสัยทัศน์อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน นอกเหนือจากการแข่งขันลดแลกแจกแถม และเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
อยากให้ใช้เหตุผลการพัฒนาประเทศมาแข่งขันบ้าง เพราะถือเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายอนาคตประชาชน เช่น 1.แก้ไขปัญหาราคาสินค้าที่สูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั้งประเทศ 2.ปรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทันก่อนเข้าสู่การประชุมประชาคมอาเซียน ทางเศรษฐกิจในปี 2561 3.พิจารณานโยบายการใช้พลังงานในอนาคตที่มีแนวโน้มจะหมดไป และ 4.ปฏิรูปการศึกษาของประเทศ ต้องชัดเจนในเรื่องทิศทางส่งเสริมคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผอ.ศูนย์วิจัยและติดตามนโยบายภาครัฐ ม.ศรีปทุม กล่าวว่า นโยบายการเข้าถึงประชาชนเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 2 พรรคใหญ่ ต่างกันในเรื่องการสื่อสาร พรรคเพื่อไทยมีกลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงและจดจำง่ายกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่บางนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์จะดีกว่าก็ตาม ทั้งนี้ การหาเสียงของพรรคต่างๆ ในช่วงโค้งแรกเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ละพรรคแข่งกันหาเสียงกันอย่างเต็มที่ จนประชาชนมองว่าเป็นช่วงที่รุนแรง โดยเฉพาะการใช้ท่าทีตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม เช่น การคุกคามผู้สมัครไม่ให้เข้ามาหาเสียงในพื้นที่ การทำ ลายป้ายหาเสียง รวมถึงการมีกองเชียร์ไว้คอยขับไล่อีกฝ่าย เป็นการกระทำที่ไม่สมานฉันท์
นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ คณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวว่า การเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามกติกา ไม่มีท่าทีที่ไม่ดี ทั้งนี้ ไม่อยากให้สนใจเรื่องผลโพลกันมากนัก เป็นเพียงการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง หรืออาจเป็นเสียงสนับ สนุนที่มีมากตามแนวนโยบายประชานิยม จริงๆ แล้วนโยบายแต่ละพรรคแทบไม่แตกต่างกัน สิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินใจของประชาชนคือ นโยบายทางการเมืองที่แต่ละพรรคมีจุดยืนค่อนข้างชัดเจน เช่น การนิรโทษกรรม จะทำให้มองเห็นโค้งการเลือกตั้งต่อจากนี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่แท้จริง เป็นเพียงการเริ่มต้นการเมืองใหม่ตามระบอบประชาธิปไตยด้วยความชอบธรรมเท่านั้น .
ข่าวสดออนไลน์

