เหตุยื่นถอดละคร ‘ฟ้าจรดทราย’ อมตะไพรัชนิยายพ้นวิก 7 สี
ฟัง ‘สายัณห์ สุขจันทร์’ ฝ่ายกม.มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติแจงเหตุผลยื่นถอดละคร ‘ฟ้าจรดทราย’ อมตะไพรัชนิยายพ้นวิก 7 สี ระบุทีมงานควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนถ่ายทำป้องกันผิดพลาดซ้ำซ้อน ต้นสังกัดละครร่อนหนังสือเเจงไม่มีเจตนาดูหมิ่นใด ๆ
วันที่ 23 ส.ค. 56 นายสายัณห์ สุขจันทร์ ฝ่ายกฎหมายมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่าเหตุผลที่ต้องยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เเละกิจการโทรคมนาคมเเห่งชาติ (กสทช.), รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศเเละการสื่อสาร (รมว.ไอซีที) เเละกรรมการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ให้ยุติการออกอากาศละคร ‘ฟ้าจรดทราย’ นั้น
เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ชมละครว่ามีการบิดเบือนข้อเท็จจริงของศาสนาอิสลาม ซึ่งเมื่อตรวจสอบกลับพบองค์ประกอบด้านเครื่องกายและชื่อของตัวแสดงล้วนบ่งชึ้ถึงลักษณะของชาวมุสลิม และมีความแน่ใจมากขึ้นเมื่อมีการกล่าวถึง ‘พระอัลเลาะห์’ พระผู้เป็นเจ้าของศาสนาอิสลาม ดังนั้นจึงมิอาจปฏิเสธได้ว่าละครเรื่องนี้ไม่เกี่ยวโยงกับชาวมุสลิม
โดยฉากปมปัญหาที่มีการออกอากาศตอนที่ 1-4 จากทั้งหมด 12 ตอน ได้แก่ 1.ฉาก ‘องค์อาเหม็ด’ กษัตริย์แห่งฮิลฟาราเชื่อคำทำนายของโหรหลวงว่าหากได้แต่งงานกับ ‘มิเชลล์ เดอลาโรนีล์/ตาฟา’ จะได้บุตรที่มาปกครองบ้านเมือง ซึ่งตามหลักการของศาสนาอิสลามห้ามเชื่อคำทำนายทางโหราศาสตร์เด็ดขาด เพราะถือเป็นบาปที่ยิ่งใหญ่
2. ฉาก‘องค์อาเหม็ด’ กษัตริย์แห่งฮิลฟาราอยากได้ ‘มิเชลล์ เดอลาโรนีล์/ตาฟา’ มาเป็นพระชายา โดยยังไม่ได้เข้าพิธีสมรส แต่กลับมีพฤติกรรมจับมือถือแขน ซึ่งตามหลักการของศาสนาอิสลามไม่อนุญาตหากไม่ได้แต่งงาน และได้รับความยินยอมจากผู้หญิง มิฉะนั้นจะถือเป็นการบังคับจิตใจอันผิดหลักของศาสนา
3.ฉาก ‘พันเอกชารีฟ อัลฟารัช’ และ‘มิเชลล์ เดอลาโรนีล์/ตาฟา’ มีการล่วงเกินทางกายภายนอกกันกลางทะเลทราย ซึ่งตามหลักการของศาสนาอิสลามห้ามปฏิบัติเช่นนั้น ตราบใดที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ฉะนั้นการนำเสนอของผู้จัดทำละครอาจทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดได้ว่าสามารถล่วงเกินผู้หญิงมุสลิมได้โดยไม่ต้องแต่งงาน
4.ฉาก ‘แคชฟียา/แคชฟี่’ กล่าวในทำนองว่าผู้หญิงประเทศนี้จะไม่ได้รับการศึกษาเพราะถือผิดหลักศาสนานั้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าศาสนาอิสลามกีดกันการศึกษากับผู้หญิงมุสลิม ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะตามหลักการของศาสนาอิสลามไม่เคยจำกัดสิทธิทางการศึกษาใคร
5.ฉากเศรษฐีในละครก้มลงกราบ ‘องค์อาเหม็ด’ กษัตริย์แห่งฮิลฟารา ซึ่งตามหลักการของศาสนาอิสลามห้ามไม่ให้มนุษย์ก้มกราบมนุษย์ด้วยกันเด็ดขาด ยกเว้นพระผู้เป็นเจ้า
“ ทีมงานละครควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนหากต้องสร้างสรรค์งานที่เกี่ยวโยงกับหลักความเชื่อของแต่ละศาสนา มิเช่นนั้นอาจเกิดความผิดพลาดได้ ดังเช่นกรณีนี้ควรสอบถามผู้รู้ทางศาสนาอิสลาม เช่น นักวิชาการม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา หรือสำนักจุฬาราชมนตรี” และว่านวนิยายจะมีเนื้อหาขัดต่อหลักการศาสนาอิสลามหรือไม่ นายสายัณห์ กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านจึงตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้ขอร้องเรียนเฉพาะละครอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ทีมงานละครไม่ควรอ้างว่าได้ถ่ายทำตามบทประพันธ์ เพราะควรศึกษาและให้ความสำคัญกับมุสลิมทั่วโลกมากกว่า
เมื่อถามว่าภายหลังการร้องเรียนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ผู้แทนมูลนิธิมุสลิมฯ ระบุว่า เราจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งภายหลังได้รับเอกสารตอบรับจากหน่วยงานทั้งหมด แต่หากยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เชื่อว่าพี่น้องมุสลิมที่ไม่เห็นด้วยจะเคลื่อนไหวตามกรอบรัฐธรรมนูญต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (23 ส.ค. 56) สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้ออกเเถลงการณ์ชี้เเจงกรณีดังกล่าว โดยนายพลากร สมสุวรรณ กรรมการผู้จัดการฯ กล่าวว่า ละครฟ้าจรดทรายเป็นละครที่สร้างจากบทประพันธ์ของคุณโสภาค สุวรรณ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างชายเเละหญิง ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ เป็นเรื่องสมมติขึ้นในเมืองเเถบอาหรับ มีจุดประสงค์สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง การผลิตละครเรื่องนี้เราตั้งใจที่จะผลิตผลงานให้ได้ตรงตามบทประพันธ์มากที่สุด โดยมิได้มีเจตนาหมิ่นหรือกระทบกับศาสนาอิสลามเเละชาวมุสลิมเเต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านี้ในตอนต้นก่อนเข้าละครได้มีการขึ้นข้อความชี้เเจงถึงเจตนาการผลิตละครเพื่อความบันเทิงเเละเมื่อทราบข่าวการร้องเรียนจากสื่อทางอินเทอร์เน็ตเมื่อเย็นวานนี้ก็ไม่นิ่งนอนใจ เราได้ทบทวนเนื้อหาเเละได้รีบติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง
ด้านนายสยาม สังวริบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด ในฐานะผู้กำกับละคร ‘ฟ้าจรดทราย’ กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวจากสื่อ อันดับแรกต้องขอขอบคุณ มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ และคุณปราโมทย์ สมะดี ประธานมูลนิธิ ที่ให้คำแนะนำและข้อคิดเห็น ละครเรื่องนี้เราสร้างตามบทประพันธ์ของคุณโสภาค สุวรรณ ซึ่งเป็นนิยายอมตะมากว่า 30 ปี ก่อนที่เราจะถ่ายทำละครเรื่องนี้ เราต้องส่งบทละครโทรทัศน์ ทั้งหมด 12 ตอน ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษไปให้กับสถานทูตอียิปต์ และกระทรวงวัฒนธรรมของอียิปต์ เมื่อได้รับการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจึงถ่ายทำ ซึ่งการถ่ายทำส่วนใหญ่ถ่ายทำในโรงถ่ายของรัฐบาลอียิปต์ เราใช้นักแสดงประกอบของประเทศอียิปต์เข้าฉากด้วย เราตั้งใจจะสื่อสารให้เห็นความสวยงามของเมืองสมมุติ ฮิลฟารา เราไม่มีเจตนาลบหลู่ศาสนาใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องกราบขออภัยพี่น้องชาวมุสลิม และจะพยายามแก้ไขให้ดีที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:มูลนิธิมุสลิมฯ อัดยับช่อง 7 สร้าง 'ฟ้าจรดทราย' ไม่ดูข้อเท็จจริง
ที่มาภาพ: http://picpost.postjung.com/183123.html