จับตาสรรหาตุลาการศาล รธน. “ชัยสิทธิ์” เต็งจ๋า “บรรเจิด” แอบมีลุ้น?
ระทึก ! สรรหาตุลาการ ศาล รธน.คนใหม่แทน “วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์” ที่ลาออก จาก 9 ผู้สมัคร “ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม” เป็นตัวเต็ง แต่อดีต คตส.อย่าง “บรรเจิด สิงคะเนติ” ก็แอบมีลุ้น แม้แรงต้านจะสูง
(ซ้าย ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม - ขวา บรรเจิค สิงคะเนติ)
ในวันนี้ (29 ส.ค.2556) มีวาระสำคัญที่น่าจับตาได้แก่การสรรหา “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” คนใหม่ แทน “นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์” ที่ขอลาออกจากตำแหน่งไป
โดยหลังจากเปิดรับสมัครมีผู้เสนอตัวเข้ารับการสรรหาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 9 คน ดังนี้
นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกา อายุ 63 ปี มีเชี่ยวชาญด้านกฎหมายภาษีอากร
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา อายุ 65 ปี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เคยร่วมตัดสินคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา
นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด อายุ 63 ปี
บรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)อายุ 49 ปี อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์
ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อายุ 60 ปี แกนนำกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์
นางศุภลักษณ์ พินิจภูวดล ศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อายุ 55 ปี มีความเชี่ยวชาญกฎหมายภาษีมาเป็นพิเศษ
นางเปรมใจ กิตติคุณไพโรจน์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฏีกา อายุ 65 ปี เภรรยานายกิติศักดิ์ กิติคุณไพโรจน์ อดีตตุลาการรัฐธรรมนูญ หนึ่งในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคดียุบพรรคไทยรักไทย
นายไพรัช เกิดศิริ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดภูเก็ต อายุ 66 ปี
พล.อ.สถาพร เกียรติภิญโญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อดีตหัวหน้าสำนักตุลาการทหารและตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารสูงสุด อายุ 61 ปี
จากการคาดหมายของคนในแวดวงกระบวนการยุติธรรม มองว่ากันบุคคลที่มีโอกาสได้รับเลือกมากที่สุดได้แก่ “นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม” เพราะมีอาวุโส และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงตุลาการ เช่นเดียวกับ “นายพรเพชร วิชิตชลชัย” แต่หลายคนพูดว่า นายชัยสิทธิ์มีภาษีดีกว่านายพรเพชรอยู่เล็กๆ
อย่างไรก็ตาม อีกสายมองว่า “นายบรรเจิค สิงคะเนติ” ก็มีสิทธิลุ้น เพราะนอกจากได้รับแรงสนับสนุนจากนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังว่ากันว่าลงสมัครเพราะมีคนในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญไปชักชวน ข้อดีของนายบรรเจิคคือเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชนเพียงรายเดียวในหมู่ผู้สมัคร ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญด้านที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันยังขาด แต่ข้อด้อยของนายบรรเจิค คือการเป็นอดีต คตส.ทำให้มีแรงต้านสูง นอกจากนี้ยังอายุน้อย แถมการที่ “นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ” มาลงสมัครด้วยอาจเป็นการตัดคะแนนกันเอง เพราะมีพื้นเพและผู้สนับสนุนที่ใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 206 ได้กำหนดวิธีการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คือให้มีคณะกรรมการสรรหา จำนวน 5 คน ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และตัวแทนประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทำการคัดเลือกโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการสรรหาที่มีอยู่
เมื่อมีผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ให้ส่งรายชื่อไปยังวุฒิสภาเพื่อขอมติให้ความเห็นชอบบุคคลดังกล่าว ภายใน 30 วันนับแต่คณะกรรมการสรรหามีมติ หากที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบในนำขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป
แต่หากที่ประชุมวุฒิสภาไม่เห็นชอบ ให้ส่งรายชื่อกลับมาพร้อมเหตุผล หากคณะกรรมการยืนยันด้วยมติ “เอกฉันท์” ให้นำรายชื่อกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป แต่ถ้ามติ “ไม่เอกฉันท์” จะต้องกลับไปเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ทั้งหมด
น่าจับตาว่าท้ายสุดแล้วใครจะมาเป็น “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่” เพราะแม้จะเป็น 1 ใน 9 เสียง ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งคณะ แต่ก็มีความสำคัญ สามารถชี้ทิศทางการเมืองไทยที่ร้อนระอุอยู่ในเวลานี้ จากหลายๆ คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลรัฐธรรมนูญ !!!