ใบแทนปริญญามร.ขายในซอยราม 43
นศ.สาวแฉซื้อ1พันส่วนสอบป.บัณฑิตไม่มีความคืบหน้า
รองเลขาธิการ กกอ.ชี้ มหาวิทยาลัยอีสาน อย่าอ้างไม่รู้เรื่องต้องโอนทรัพย์สิน “ไชยยศ” พร้อมให้ “อัษฎางค์” แจงและให้ความเป็นธรรม ขณะที่การประชุมคณะทำงานวิเคราะห์ข้อมูลมหาวิทยาลัยฉาวนัดแรกยังหาทางลงไม่ได้ “ชินวรณ์” คาด 16 มิ.ย. บอร์ดคุรุสภาต้องหาทางออกเรื่องนี้ได้ นักศึกษาสาวลูกพ่อขุนแฉแหล่งใหญ่การซื้อขายใบปริญญาบัตรอยู่ในซอยรามฯ 43 ซื้อขายกันโจ๋งครึ่ม รับประกันนำไปใช้สมัครงานได้จริง
หลังจากที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยอีสานคนใหม่ ออกมาแฉพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยชุดเก่ายังมีอิทธิพลส่งผลให้บุคลากรในสถาบันต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ขณะที่ตรวจสอบการเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ พบมีการแอบเปิดศูนย์การเรียนนอกที่ตั้งโดยที่ไม่ผ่านการเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่คุรุสภา ได้มีการประชุมคณะทำงานวิเคราะห์ ข้อมูลกรณีการซื้อขายใบประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือ ป.บัณฑิตของมหาวิทยาลัยอีสานมีนายสงขลาวิชัยขัทคะ นิติกร 10 สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธาน ใช้เวลาประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง สุดท้ายไม่ได้ข้อยุติ ประธานที่ประชุม จึงมอบให้ฝ่ายเลขานุการสรุปผลประชุมและการแสดงความคิดเห็นเสนอคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 14 มิ.ย.นี้
จากนั้นบ่ายวันเดียวกัน นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา ได้ไปรายงานผลให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ทราบ โดยนายชินวรณ์ กล่าวว่า ผลประชุมของคณะทำงานฯจะมีการเสนอให้ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายของคุรุสภาพิจารณา ในวันที่14มิ.ย.และนำเสนอบอร์ดคุรุสภาในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ โดยในการประชุมครั้งนี้น่าจะได้ทราบว่าใครที่ทำให้คุรุสภาเสียหาย เนื่องจากการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายบอร์ดคุรุสภาจะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ เพื่อรักษามาตรฐานการยื่นขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูต่อไป
ด้านนายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า วันที่ 13 มิ.ย.นี้ จะเชิญผู้เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ ป.บัณฑิต ของ ม.อีสาน มาสอบถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบว่าเป็นอย่างไร และพบความผิดเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนกรณีที่นายอัษฎางค์ แสวงการ อดีตอธิการบดี ม.อีสาน บอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น หากอดีตอธิการบดีและผู้เกี่ยวข้องเห็นว่าการดำเนินการของ ศธ. หรือหน่วยตรวจสอบใดไม่ให้ความเป็นธรรมตนก็พร้อมจะรับฟังนายอัษฎางค์ และผู้เกี่ยวข้องในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ โดยจะได้ช่วยรับฟังปัญหาและหากพบว่ามีความไม่เป็นธรรมจะได้ช่วยแก้ไขในทันที
นายกำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ในฐานะคณะกรรมการควบคุม ม.อีสาน กล่าวถึงกรณีที่นายอัษฎางค์ ระบุว่า สาเหตุที่ สมุดบัญชีของ ม.อีสาน ยังเป็นชื่อของผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้ง เพราะผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งเป็นผู้ลงทุนและออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการก่อตั้งมหาวิทยาลัย และเพิ่งยกฐานะจากวิทยาลัยมาเป็นมหาวิทยาลัยได้เพียง 1 ปีกว่า และกำลังดำเนินการตามขั้นตอนของ สกอ.และไม่ได้มี เจตนาปกปิดว่า มหาวิทยาลัยเอกชนใดจะเปิดดำเนินการได้ต้องผ่านข้อกำหนดของ สกอ.ซึ่งการโอนมอบทรัพย์สิน และที่ดินให้เป็นของมหาวิทยาลัยถือเป็นข้อกำหนดหนึ่งที่มหาวิทยาลัยเอกชนทุกแห่งทราบดี หากไม่ดำเนินการถือเป็นความบกพร่อง
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการควบคุมการดำเนินงานมหาวิทยาลัยอีสาน มีคำสั่งแต่งตั้งนายชนะพล ศรีฤาชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารและพัฒนาวิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอดีตผู้บริหารมหาวิทยาลัยอีสานนั้น นายชนะพลเปิดเผยว่า จะเร่งดำเนินการตั้งทีมงานสอบสวนฯ ซึ่งขณะนี้เตรียมทีมงานไว้ คาดว่าจะเตรียมการเชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำได้ภายใน 2 สัปดาห์
วันเดียวกัน ที่กระทรวงศึกษาธิการ มีนักศึกษา สาวมหาวิทยาลัยรามคำแหงคนหนึ่ง(ขอสงวนนาม) เดินทางยื่นหนังสือต่อนายชินวรณ์ ขอให้ตรวจสอบความผิดปกติในการออกใบแทนใบปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย รามคำแหง เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้ออกใบแทนปริญญาบัตร ที่เซ็นอนุมัติกำกับโดยผู้อำนวยการสำนักวิจัยและประเมินผล แต่ไม่มีลายเซ็นจากอธิการบดี หรือนายกสภามหาวิทยาลัยตามระเบียบที่กำหนด ทั้งยังไม่มีใบเสร็จรับเงินในการออกใบแทนปริญญาบัตร จำนวน 1,000 บาท โดยนักศึกษาคนเดียวกันกล่าวว่าการซื้อขายใบแทนปริญญาบัตรทำได้ง่าย สามารถไปซื้อได้ที่รามคำแหงซอย 43 ซึ่งใบดังกล่าวสามารถนำไปสมัครงานได้
ที่มาจาก :
