ทัศนะว่าด้วยการเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ในฐานะคนธรรมศาสตร์คนหนึ่ง ผมไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรที่จะให้เปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองตามที่เป็นข่าว เพราะนอกจากไม่ใช่ชื่อดั้งเดิมของมหาวิทยาลัย (ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ที่เน้นไปที่วิชาซึ่งมหาวิทยาลัยนี้เปิดสอน) แล้ว
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังทำให้เกิดความสิ้นเปลืองในเชิงงบประมาณ เปลี่ยนชื่ออาคารสถานที่ การเปลี่ยนแปลงเอกสารราชการ ใบปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร วุฒิบัตร และป้ายชื่อ อาคารตลอดจนเอกสารราชการต่าง ๆ และทำให้เกิด “งาน” ในสถานการณ์ที่สถาบันอุดมศึกษาต่างก็มี “งาน” ทางเอกสารจากเกณฑ์ที่ สกอ.สมศ. และกระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้ทำโดยไม่เกิดประโยชน์ที่คุ้มค่ามากนักอยู่มากแล้วและยังมีข้อที่สำคัญที่น่าจะเสนอเพื่อให้คณะกรรมาธิการวิสามัญเปลี่ยนแปลงความคิดและหันไปช่วยดูแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายให้เป็นประโยชน์แก่สังคมและการจัดการมหาวิทยาลัยในเรื่องอื่น ๆ มากยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงชื่อมหาวิทยาลัยอีกหลายประการ คือ
๑.การเติม “และการเมือง” เข้าไปทำให้พันธกิจและภารกิจของมหาวิทยาลัยแคบลง กลายเป็นเรื่องการเมืองเรื่องเดียว ขณะที่เรื่องสังคมเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ฯลฯ ซึ่งดูจะไม่อยู่ในบริบทของ “การเมือง” จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องหลักของมหาวิทยาลัยหากจะดูจากชื่อใหม่นี้
๒.ไม่ว่าจะเติม “การเมือง” ลงไปหรือไม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และคนของมหาวิทยาลัยนี้ก็ใส่ใจและสนใจการเมืองอยู่โดยพื้นฐานและโดยวิถีชีวิตของความเป็นธรรมศาสตร์อยู่แล้ว การเติม “การเมือง” เข้ามาหรือไม่ ไม่ได้ช่วยให้คนธรรมศาสตร์ใส่ใจหรือสนใจการเมืองมากขึ้นหรือน้อยลง หากแต่จะกลับทำให้ขอบเขตความสนใจ ใส่ใจ และพันธกิจของมหาวิทยาลัยที่ปรากฏจากชื่อที่เรียกขานแคบลงอย่างที่กล่าวด้วยซ้ำ
๓. คิดในกรอบที่แคบลง โดยไปโยงกับชื่อใหม่ของมหาวิทยาลัย การเติม “และการเมือง”เข้าไปในชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่ามหาวิทยาลัยมุ่งไปที่วิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และจะทำให้คณะในสายวิทยาศาสตร์ อย่าง คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หรือทางวิทยาศาสตร์สุขภาพอย่าง คณะแพทยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ ฯลฯ รู้สึกว่าตัวอยู่ผิดที่ผิดทางและแปลกแยกออกไปจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และไม่เป็นผลดีกับเอกภาพของมหาวิทยาลัยและของประชาคมธรรมศาสตร์โดยรวมด้วย
๔. ในยุคที่โลกไร้พรมแดนนี้ ชื่อ Thammasat University ได้เป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างกว้างขวางในโลก ทั้งในการไปเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกของผู้สำเร็จการศึกษา การแลกเปลี่ยนหรือทำความตกลงทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัย “ชั้นหนึ่ง” ที่มีอยู่ไม่กี่แห่งของประเทศไทย ซึ่งผู้สำเร็จการศึกษาจะถูกรับเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศชั้นนำเหล่านี้โดยไม่มีเงื่อนไข การเปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยใหม่ (ซึ่งยังนึกไม่ออกว่าจะเขียนเป็นภาษาต่างประเทศว่าอย่างไร) ครั้งนี้ จึงทำให้ธรรมศาสตร์กลายเป็นมหาวิทยาลัยใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักอีกต่อไปและต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจ ชี้แจง ทำจดหมายอธิบายไปยังทุก ๆ มหาวิทยาลัยในโลก ทุก ๆ คณะ และทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องกับเราว่าเราเป็นใคร ซึ่งจะทำไม่ได้ครบถ้วน หรือก็ไม่ได้เป็นที่สนใจอะไรของทุก ๆ คนในแวดวงวิชาการ แล้วผลกระทบจากการ “ไม่รู้จักว่าจบมาจากที่ไหน” นี่เองที่จะเป็นราคาที่แพงมหาศาลซึ่งบัณฑิตและคนของมหาวิทยาลัยนี้จะต้องจ่ายเมื่อจะไปเรียนต่อหรือติดต่อสัมพันธ์กับสถาบันวิชาการในต่างประเทศ
ความจริงยังมีเหตุผลอื่น ๆ อีกมากที่จะช่วยยืนยันความไม่เหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงชื่อของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในอีกหลาย ๆ มุม ซึ่งน่าจะมีคนช่วยเติมให้สมบูรณ์ขึ้นได้อีกในเวลาต่อ ๆ ไปเพื่อให้ไปสู่การรับรู้ของคณะกรรมาธิการด้วย
