ภาควิชาวิศวกรรมโยธา มจธ. ติด 1 ใน 200QS World University Rankings
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา QS World University Rankings by Subject 2013 ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกใน 200 อันดับแรกตามสาขาวิชาต่างๆ โดยสาขาวิชาวิศวกรรมโยธา (Engineering-Civil & Structural) ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้รับการจัดอันดับที่ 101-150 ในกลุ่มสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ถือเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และนับเป็นครั้งแรกของ มจธ. ที่ได้รับการจัดอันดับให้ติดอยู่ในกลุ่ม 200 อันดับแรกของโลก
ศ.ดร.ชัย จาตุพิทักษ์กุล หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา มจธ. กล่าวถึงการได้รับการจัดอันดับในครั้งนี้ว่า หากพิจารณาตามเกณฑ์สัดส่วนของคะแนนการจัดอันดับในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า มจธ.ได้คะแนนสัดส่วนอ้างอิงต่อผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ (H-INDEX) มจธ.ได้คะแนนในด้านนี้ถึง 69.8 % และการพิจารณาการอ้างอิงผ่านงานวิจัยต่อชิ้น (Citations per paper) ได้คะแนน 69.5 % ซึ่งค่อนข้างสูงมาก นั่นเป็นเพราะ มจธ. มีงานวิจัยด้านวิศวกรรมโยธาที่เน้นในระดับนานาชาติ และเป็นที่ยอมรับรวมถึงได้รับการอ้างอิงจำนวนมาก
สำหรับงานวิจัยของภาควิชาวิศวกรรมโยธานั้น ศ.ดร.ชัย กล่าวว่า มีการส่งเสริมเรื่องงานวิจัยมาอย่างต่อเนื่องและยังสนับสนุนให้มีการนำผลงาน ไปตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ
"การจัดอันดับในครั้งนี้เป็นผลพลอยได้ โดยเป้าหมายที่แท้จริงของมหาวิทยาลัย คือผลิตบัณฑิตที่เก่งและดี และงานวิจัยถือเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่อาจารย์ทุกท่านต้องทำเพื่อหาความ รู้ใหม่ๆ เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพของภาควิชาวิศวกรรมโยธาของ มจธ." ศ.ดร.ชัย กล่าว และว่า ปัจจุบันภาควิชาวิศวกรรมโยธา มจธ. มีอาจารย์ที่มีคุณภาพสูง และที่สำคัญอาจารย์ส่วนใหญ่ทำงานวิจัยทั้งในระดับชาติ และนานาชาติ สูงถึง 70 % เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จะเพิ่มขึ้นเป็น 80-90 %
ทั้งนี้ ศ.ดร.ชัย กล่าวถึงภาควิชาวิศวกรรมโยธา มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ เนื่องจากงานทางด้านวิศวกรรมโยธา เป็น 1 ใน ปัจจัย 4 ของการดำรงชีพ เกี่ยวข้องโดยตรงกับที่อยู่อาศัย และยังครอบคลุมถึงถนนหนทาง สะพาน เขื่อน อุโมงค์รถใต้ดิน หรือแม้กระทั่งโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเพื่อยกระดับสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่รัฐบาลกำลังทำ ก็ต้องอาศัยองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมโยธาในงานสำรวจ ออกแบบ และการก่อสร้าง ดังนั้นนักศึกษาที่จบด้านนี้จะเป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคตอย่างสูงมาก ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัยในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกสู่สังคม
สำหรับผลงานวิจัยของภาควิชาวิศวกรรมโยธา มจธ. ที่น่าสนใจ เช่น “เครื่องวัดการแอ่นตัวแบบตกกระแทก” หรือ Falling Weight Deflectometer (FWD) ร่วมกับ กรมทางหลวงชนบท งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาเครื่องมือสำหรับการประเมินความแข็งแรงของโครงสร้างคันทางถนนให้กับกรมทางหลวงชนบทไว้ใช้งาน ทดแทนการนำเข้าและแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือจากต่างประเทศที่มีราคาแพง โดยเครื่อง FWD นี้ เป็นการพัฒนาให้ติดตั้งไว้กับรถตู้ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของเครื่องมือมีประสิทธิภาพและมีความสะดวกต่อการใช้งาน
คณะผู้วิจัยยังได้พัฒนาซอฟแวร์สำหรับการควบคุมการทำงานของเครื่องมือ การจัดเก็บข้อมูล และระบบการประมวลผล ที่สำคัญ งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาขึ้นภายใต้โจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศ เพราะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ มาตรฐานและรูปแบบการก่อสร้างของแต่ละประเทศนั้นไม่เหมือนกัน ปัจจุบันได้ส่งมอบเครื่องดังกล่าวให้กับกรมทางหลวงชนบทนำไปใช้งานแล้วตั้งแต่ปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ต้นทุนต่อเครื่องที่พัฒนาขึ้นอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท ถูกกว่าถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับราคาเครื่องนำเข้าที่สูงถึงเครื่องละ 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัย การพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์สำหรับการวิเคราะห์ทางวิศวกรรมโครงสร้าง การศึกษาคุณสมบัติทางกลศาสตร์ของวัสดุเพื่อทดแทน และ/หรือ ปรับปรุงคุณภาพคอนกรีต การบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำ การวิเคราะห์การไหลในสภาพต่างๆ การพัฒนาแบบจำลองเพื่อการวิเคราะห์ปัญหาการจราจรและโลจิสติกส์ การบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง การศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีและเทคนิคในงานวิศวกรรมสำรวจ เป็นต้น
