อนุฯ สอบคดีจำนำข้าวจ.พิจิตร “แพแตก” กรรมการลาออกประท้วง ส.ส.เพื่อไทย
คณะอนุฯ สอบคดีจำนำข้าวพิจิตร “แพแตก” กรรมการลาออก ประท้วง ส.ส.เพื่อไทย "อุ๊บอิ๊บ" สรุปรายงาน ตัดข้อมูลเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยว- “สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์” ปธ.กมธ.พาณิชย์ ยอมรับมีปัญหาความแตกต่างเกิดขึ้นจริง แต่ให้สองฝ่ายไปหารือร่วมกันเพื่อยุติปัญหาแล้ว
แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ในระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นาย สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน ได้เกิดปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับการสรุปรายงานผลการสอบสวนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลจังหวัดพิจิตร
เมื่อตัวแทนคณะอนุกรรมาธิการสอบสอนคดีนี้ ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาจำนวน 2 คน ได้แจ้งขอลาออกจากการเป็นคณะอนุกรรมาธิการฯ เนื่องจากไม่พอใจ ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวนหนึ่ง ที่ร่วมเป็นคณะอนุฯ อยู่ด้วย ได้ทำการรวบรัดสรุปผลการสอบสวนคดีนี้ โดยไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วม
ขณะที่รายงานผลสรุปการสอบสวนคดีนี้ ที่ทำออกมา มีการตัดข้อมูลสำคัญบางอย่างออกไป ทำให้ผลสรุปการสอบสวนดังกล่าว ไม่ตรงตามข้อเท็จจริง และอาจทำให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกตรวจพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้ ได้รับประโยชน์จากผลการสอบสวนคดีนี้ด้วย
แหล่งข่าว กล่าวว่า ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสอบสวนข้อมูลปัญหาโครงการรับจำนำข้าวในจังหวัดพิจิตร ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่คณะกรรมาธิการ ฯ ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรในจังหวัดพิจิตร ว่า ถูกโรงสีแห่งหนึ่ง หลอกให้นำข้าวเปลือกมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำ ทั้งที่ โรงสีแห่งนี้ ไม่สามารถรับจำนำข้าวได้แล้ว เนื่องจากปริมาณข้าวที่รับจำนำไว้เดิม มีจำนวนเกินกว่าปริมาณที่โครงการกำหนดไว้
เบื้องต้น คณะกรรมาธิการฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อทำการสอบสวน โดยมีนายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก เขต 4 พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน และมีการเชิญตัวแทนผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาเข้ามาร่วมเป็นคณะอนุฯชุดนี้กับส.ส.ที่นั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการฯ
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า ภายหลังจากการคณะอนุฯ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้ รวมถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลในจังหวัดพิจิตร คณะอนุฯ พบว่า โรงสีแห่งนี้ ได้เปิดรับจำนำข้าวเกินกว่าปริมาณที่โครงการกำหนดไว้จริง
ขณะนี้ขั้นตอนการรับจำนำข้าวส่วนเกินดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยมีหลักฐานยืนยันจากคำรับสารภาพของผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไว้ มีคำสั่งการจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานหนึ่งแห่ง ว่า ให้เปิดรับจำนำข้าวต่อได้
หลังจากได้รับการยืนยันข้อมูลว่าโครงการรับจำนำข้าวในจังหวัดพิจิตร มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง คณะอนุฯ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษ ได้พยายามที่จะนำเสนอประเด็นนี้ให้ที่ประชุมคณะอนุฯ ได้รับทราบ แต่ส.ส. พรรคเพื่อไทย บางคนกลับพยายามตัดบท ไม่พูดถึง และพยายามที่จะเสนอแนวคิดเรื่องการหาแหล่งเงินมาชดเชยให้เกษตรกร เพื่อจะได้จบๆ เรื่องกันไป
จนกระทั่งล่าสุด ก่อนหน้าที่การประชุมคณะกรรมาธิการชุดใหญ่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ ที่ผ่านมา มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย จำนวน 2-3 คน ได้นัดประชุมด่วนสรุปรายงานผลการสอบสวนเรื่องนี้ โดยไม่มีการแจ้งให้คณะอนุฯ ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทราบล่วงหน้า และมีการตัดข้อมูลสำคัญที่ได้รับจากการลงพื้นที่ตรวจสอบออกไป ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปถึงการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ
จึงทำให้คณะอนุฯ ผู้เชี่ยวชาญ และที่ปรึกษาไม่พอใจ และแจ้งขอลาออกจากตำแหน่งคณะอนุฯ สอบสวนคดีนี้ ต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ตามที่ปรากฎเป็นข่าว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังนาย สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้ยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว
เบื้องต้น นาย สุรศักดิ์ ยอมรับว่า การทำงานของคณะอนุฯ สอบคดีรับจำนำข้าวจังหวัดพิจิตร มีปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้นจริง ซึ่งตนได้แจ้งให้ทางคณะอนุฯ ไปหารือร่วมกันอีกครั้งแล้ว
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า คณะอนุฯ ในส่วนผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษา ได้แจ้งขอลาออกจากการเป็นคณะอนุฯ แล้ว นายสรุศักดิ์ กล่าวว่า “มีการแจ้งขอลาออกจริง แต่ผมได้บอกให้เขาไปคุยกันอีกครั้งแล้ว”
เมื่อถามว่า สาเหตุการลาออกเกิดจากความไม่พอใจที่ มีส.ส.พรรคเพื่อไทย ตัดข้อมูลสำคัญในรายงาน นาย สุรศักดิ์ ตอบว่า "บุคคลที่เข้ามาร่วมเป็นคณะอนุฯ ชุดนี้ มีทั้งในส่วนของส.ส.ที่เป็นคณะกรรมาธิการ และตัวแทนในส่วนของผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษา ซึ่งในส่วนของ ส.ส. ท่านไม่อยากให้มีการฟันธงว่า ใครเป็นคนผิดชัดเจน แต่ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษา เขาอยากให้ระบุชัดเจนว่าใครเป็นคนผิด มันเป็นเรื่องความเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้นน่าจะคุยกันได้ เพราะทุกคนที่มาทำงานนี้ มีความตั้งใจที่จะทำงานกันเต็มที่อยู่แล้ว"
เมื่อถามว่า ในรายงานผลการสอบสวนที่ทำมา มีเจ้าหน้าที่รัฐ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายสุรศักดิ์ ตอบว่า เท่าที่ได้รับรายงานพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าไปมีส่วนรู้เห็นด้วย แต่คงพูดอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ต้องรอดูรายงานสอบสวนที่คณะอนุฯ จะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่ พิจารณา ในวันที่ 4 กันยายน 2556 นี้ อีกครั้ง