แบลร์ชี้ไทยต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง
นายกเปิดปาฐกถาผนึกกำลังสู่อนาคตย้ำมุ่งสร้างสันติภาพ แบลร์ชี้ปัญหาไทยต้องก้าวข้ามความขัดแย้งก่อน
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานงานปาฐกถาพิเศษ “ผนึกกำลังสู่อนาคต : เรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์” (Uniting for the future: learning from each other’s experiences) ที่จัดขึ้นโดยสถาบันความมั่นคงและนานาชาติศึกษา (Institute of Security and International Studies –ISIS) คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ กระทรวงการต่างประเทศ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอบคุณองค์ปาถกทุกท่าน ที่ให้เวลาอันมีค่ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในวันนี้ ความตั้งใจในการจัดปาฐกถาพิเศษเป็นเวทีเสวนาเพื่อให้ทุกท่านและทุกฝ่ายแลก เปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องของส่วนตัว เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้จากกันและกัน และผนึกกำลังสู่อนาคต เพื่อสันติภาพและความมั่งคังของประชากรของเรา ตนเชื่อว่าจะมีการปาฐกถาต่อไปอีกเรื่อย ๆ เพื่อพัฒนาความเข้าใจใน แต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเป็นเหมือนเครื่องมือทั่วไปที่นำมาใช้งานได้ ซึ่งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นเรื่องสำคัญ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะต้องสามารถแนะนำเหล่านั้นไปเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน
เราอยู่ในช่วงเวลาที่ประชาธิปไตยเป็นทางแยก ซึ่งมีความพยายามที่จะทำให้ประชาธิปไตยเดินไปไม่ได้ในหลายส่วนของโลก หลายท่านที่อยู่ที่นี้ทำงานเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า เราจะสามารถมีสิทธิเสรีภาพ ทำให้แต่ละท่านพัฒนาศักยภาพของแต่คนออกมา และมีการเคารพความแตกต่างซึ่งกันและกัน และความแตกต่างสามารถทำให้การทำงานมีสันติภาพ
"เรามีความตั้งใจที่จะให้มีการผนึกกำลังกัน เพื่อสันติภาพอันถาวร เพราะว่าประชาธิปไตยและสันติภาพเป็นพื้นฐานของทุกด้าน ความท้าทายของเราคือ อนาคตเราต้องสร้างความมั่นคงทางการเมืองให้กับลูกหลาน และต้องมีสภาวะแวดล้อมที่เท่าเทียมกัน การที่เราสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้เรามีประชาธิปไตยอย่างถาวร และประชาธิปไตยก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลเป็นเสียงส่วนมากและผู้ที่ตรงข้าม เป็นผู้ที่คัดค้าน แต่เป็นเรื่องของแต่ละฝ่ายที่เคารพซึ่งกันและกัน มีหลักนิติธรรม"
สำหรับอนาคตของลูกหลานของเรา ที่เราจะต้องมาเรียนรู้จากกันและกัน ตนเชื่อว่าคนไทยทุกคนสามารถที่จะเรียนรู้ประสบการณ์จากนานาชาติได้ว่าความ ขัดแย้งทางการเมืองจะสามารถดำเนินไปได้อย่างไร และมีการเคารพประชาธิปไตยเพื่อให้ทุกคนได้วาง ความแตกต่างลงไปและทำงานร่วมกัน เพื่ออนาคตทางด้านประชาธิปไตยอย่างมั่นคง
"นอกจากเรียนรู้ความสำเร็จจากทุกท่านแล้ว เราต้องเรียนรู้จากความล้มเหลวและความแตกต่าง รวมถึงจะทำอย่างไรเมื่อเราไม่สามารถมีเอกภาพได้ เมื่อมีความขัดแย้งทางการเมืองและไม่สามารถที่จะปรองดองได้ ก็หวังว่าบทเรียนที่เรียนรู้มาจากประเทศอื่นๆ ที่จะได้รับฟังในวันนี้จะทำให้เรามีแรงบันดาลใจและแรงกระตุ้นว่าสิ่งที่ดี ที่สุดสำหรับประเทศของเราคืออะไร เราก็หวังที่จะก้าวไปร่วมกันในแง่ของประชาธิปไตยและสามารถที่จะทำงานร่วมกัน อย่างเป็นเอกภาพในคนรุ่นต่อไปได้"นายกฯกล่าว
ด้าน นายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า ไม่ได้รับเงินในการร่วมปาฐกถา ครั้งนี้ พร้อมระบุว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศ คนไทยเท่านั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ เมื่อทุกฝ่ายมองเห็นรางวัลที่วางอยู่ในเบื้องหน้าร่วมกัน
พร้อมกันนี้ ยังระบุว่า การสร้างความปรองดองมีหลักอยู่ 5 ประการ ทั้ง การสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น และมีความรู้สึกที่อยากจะแบ่งปันโอกาสมากกว่าความแตกแยก / การนำเหตุการณ์ในอดีตมาบทเรียนและต้องมีการกำหนดกรอบการทำงานให้ชัดเจน ซึ่งกระบวนการปรองดองต้องเกิดความยุติธรรมและทุกฝ่ายยอมรับได้
เมื่อมีการกำหนดเป้าหมายในการปรองดองแล้ว หลักการที่สำคัญที่สุดอีกประการคือจะต้องเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง มีหลักนิติธรรม โดยประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่การลงคะแนนเลือกตั้งและไม่ใช่การที่ คนส่วนใหญ่เข้ามามีอำนาจแต่ขึ้นอยู่กับว่าได้ให้ความสำคัญกับคนส่วนน้อย อย่างไร รวมถึงเห็นว่าฝ่ายบริหารควรเคารพอำนาจและการตัดสินของฝ่ายตุลาการแม้ บางอย่างอาจขัดใจตัวเองและตนเชื่อว่าการที่ทำให้องค์กรดังกล่าวมีความเป็น อิสระ ปราศจากอคติ คือกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง
ทั้งนี้รัฐบาลต้องมีประสิทธิภาพในการดูแลประชาชนและต้องทำงานให้ได้ ตามนโยบายที่ใช้หาเสียง ซึ่งการปรองดองจะเกิดขึ้นถ้าประชาชนรู้สึกว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างไรก็ ตาม ยอมรับว่าการปรองดองเกิดขึ้นได้ยาก แต่อย่ายอมแพ้และทุกคนในประเทศต้องเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งหากทำสำเร็จจะประโยชน์มาสู่ประชาชนทุกคน
ขอขอบคุณข่าวจาก

