ธ.เร่งตรวจสอบยาผิดแผง
สธ.เร่งตรวจสอบยาผิดแผงพร้อมสั่งอภ.จัดทำมาตรการป้องกันปัญหาระบบการผลิตในระยะยาว
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพบยาขององค์การเภสัชกรรมมีการบรรจุยาคนละชนิดในแผงเดียวกัน ว่า ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อประเมินความเสียหายและสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง โดยได้แนะนำให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสหภาพแรงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรมมาช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อลดปัญหาหรือข้อครหาต่างๆ การแถลงข่าวขององค์การเภสัชกรรมในวันนี้ คาดว่าน่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นเพราะต้องไปหาสาเหตุและการป้องกันระยะยาวอีกด้วย เนื่องจากการเกิดเหตุครั้งนี้อาจทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในองค์การเภสัชกรรม จึงต้องเร่งฟื้นฟูชื่อเสียงในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการป้องกันแก้ไขปัญหาในระยะยาว ไม่ใช่มองเรื่องของความสูญเสียอย่างเดียว จึงถือเป็นโอกาสในการที่จะเข้าไปดูกระบวนการผลิตและระบบการควบคุมคุณภาพหรือคิวซี (Quality Control) มีปัญหาอย่างไร
“เป็นหน้าที่ภารกิจของผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมคนใหม่ ที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ และดำเนินการทุกอย่างให้โปร่งใส สิ่งที่องค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินการไปนั้นถูกต้องแล้ว คือเมื่อเกิดเหตุแล้วอย่าปิดบังประชาชน เล่าให้ฟังถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วมีการแสดงความรับผิดชอบและเร่งแก้ไขที่ต้นเหตุโดยเร็ว” นายแพทย์ประดิษฐกล่าว
นพ.ประดิษฐกล่าวต่อว่า เท่าที่ได้รับรายงานขณะนี้ ได้เรียกคืนยาจากโรงพยาบาลที่มีประมาณ 8 แห่ง มาครบถ้วนแล้ว ยังไม่พบจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับยาไปเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาแต่อย่างใด แต่อาจจะทำให้กินยาไม่ต่อเนื่อง แต่ขาดยาเป็นช่วงสั้นๆ คือขาดเป็นมื้อ เช่น เคยกินยาลดความดัน และขาดยาไป 1 มื้อ อาจไม่ถึงกับเป็นอันตรายอะไร เพราะยาที่บรรจุไปก็ลดความดันได้ และอาจจะมีผลข้างเคียงขยายหลอดเลือดบ้าง อาจมีอาการปวดศีรษะได้บ้าง แต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะไม่ใช่เป็นยาที่มีการปนเปื้อนสารพิษต่างๆเข้ามา แต่เป็นการปนของตัวยา 2 ชนิดอยู่ในแผงฟรอยด์เดียวกัน
ขณะที่ นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวภายหลังเรียกคืนยาลดความดันโลหิตสูง (Amlodipine) หรือยาที่มีชื่อทางการค้าว่า AMBES Lot NO.F561217 Mfg: 19/06/13 Exp: 19/06/15ซึ่งพบการบรรจุเม็ดยาผิด เป็นยา Isosorbide Dinitrate 10 mg พร้อมทั้งสุ่มตรวจยา AMBES รุ่นการผลิตอื่นที่ผลิตใกล้เคียงกันทั้ง Lot ก่อนและหลังมีปัญหา คือ Lot No.F561216 Mfg: 19/06/13 Exp: 19/06/15 และ Lot No.F561218 Mfg: 20/06/13 Exp: 20/06/15 รวมถึงยา Isosorbide Dinitrate 10 mg. Lot No.F561168ซึ่งเป็นรุ่นที่ตอกเม็ดในช่วงเวลาเดียวกันกับยาที่พบปัญหา รวมทั้ง เก็บตัวอย่างยา AMBES ในรุ่นที่พบปัญหา และรุ่นข้างเคียงก่อนและหลังจากห้องเก็บยาตัวอย่าง เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์พิสูจน์เอกลักษณ์ตัวยาสำคัญและวิเคราะห์ปริมาณตัวยาสำคัญของยา ณ กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์แล้ว ที่สำคัญ
นพ.บุญชัยกล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ อย. ได้แจ้งให้ องค์การเภสัชกรรม เรียกเก็บยาAMBES ใน Lot และรุ่นที่มีปัญหา คืนจากท้องตลาดภายใน 15 วัน แล้วประสานแจ้ง อย. ในการทำลาย พร้อมทั้งสั่งให้งดการผลิตในสายการผลิตที่ใช้ในการตอกและบรรจุยา AMBES ใน Lot ที่พบปัญหาจนกว่าจะสืบสวนหาสาเหตุของปัญหา รวมทั้งหามาตรการแก้ไขและป้องกันมิให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำ พร้อมทั้งให้องค์การเภสัชกรรมจัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหารายงานให้ อย. ทราบภายใน 30 วัน อีกทั้ง อย. ได้แจ้งเตือนภัยเร่งด่วนไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 7 จังหวัด ซึ่งมีโรงพยาบาลที่องค์การเภสัชกรรมได้กระจายยาดังกล่าว รวมทั้ง อย. ได้ประกาศเรียกเก็บยา AMBES Lot No.F561217คืนจากท้องตลาดในเว็บไซต์ อย. ซึ่งเป็นเป็นไปตาม คู่มือขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedure : SOP) ในการดำเนินการกับกรณีด้านคุณภาพยาที่พบปัญหา
ส่วนของผู้ป่วยที่ซื้อยา AMBES (Amlodipine Besylate Tablets 5 mg.) Lot. No.F561217 Mfg: 19/06/13 Exp: 19/06/15 ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม จากร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรม อย. ขอให้ผู้ป่วยตรวจดู Lot. หรือรุ่นที่พบปัญหาบนแผงยา หากเป็น Lot. No.F561217 ขอให้งดการใช้ยา และให้รีบส่งคืนร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรม หรือหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยาดังกล่าว ให้สอบถามเภสัชกรในร้านขายยา หรือสถานพยาบาล เพื่อลดความเสี่ยงในการใช้ยาต่อไป
ขอขอบคุณข่าวจาก

