จาก “เบอร์ลิน” ถึง “Neko Wall” ปรากฎการณ์ใหม่ "มธ." ต้านชุด "นศ."
“หลายเพจที่ตั้งขึ้นมาล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการเสียดสี มธ. กรณีบังคับให้ใส่ชุดนักศึกษา แม้กระทั่งในเพจอย่าง “ใน มธ. ตะวันออก” ก็ตาม แม้จะแสดงจุดยืนว่าต้องการใส่ชุดนักศึกษา แต่ทั้งหมดล้วนเป็นแค่การเสียดสีเพื่อให้ประชาคม มธ. ตระหนักว่าการบังคับให้ใส่ชุดนักศึกษานั้นถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และชุดนักศึกษาไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต่อการศึกษาระดับอุดมศึกษาสักนิดเดียว”
กลายเป็นประเด็นร้อนในพริบตา หลังปรากฎการณ์ “อั้ม เนโกะ” นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ถ่ายภาพโปสเตอร์สยิว แฝงนัยยะต่อการต่อต้านปลดแอกการบังคับให้ใส่ “ชุดนักศึกษา” ทั้งนี้ปรากฎการณ์ดังกล่าวถูกศิษย์เก่าและปัจจุบันของธรรมศาสตร์บางกลุ่มวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยเห็นดีเห็นงามกับความคิดของ “อั้ม” และพร้อมสนับสนุนให้ยกเลิกการบังคับใส่ชุดนักศึกษา
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังปรากฎการณ์ดังกล่าว ในเฟซบุ๊กก็ปรากฎแฟนเพจชื่อว่า “ใน มธ. ตะวันออก” ขึ้น โดยระบุว่า “ทางเพจตระหนักดีว่า “ธรรมศาสตร์” ในความเข้าใจของประชาคมโลกนั้นเป็น “มธ ตะวันตก” ที่ปลุกระดมความคิดเรื่อง สิทธิ ความเสมอภาค ความเท่าเทียม และเสรีภาพทุกตารางนิ้ว แต่ประชาคมโลกนั้นมิเคยรู้มาก่อนเลยว่าจริงๆแล้ว “ใน มธ ตะวันออก” มีวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม และระบอบการเมืองการปกครองที่แตกต่างออกไป เราจึงอยากนำเสนอสิ่งเหล่านี้เพื่อให้ชาวโลกได้รับรู้และเข้าใจว่า “ใน มธ ตะวันออก” มีอะไรที่น่าค้นหาอีกมากมาย”
หลังจากนั้นวันเดียวกันอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ก็ปรากฎแฟนเพจ “ใน มธ. ตะวันตก” โดยเพจดังกล่าวระบุว่า “เราไม่ได้ให้อำนาจแก่คณบดีมาจำกัดเสรีภาพของเราได้ทั้งหมดนะ เราแค่ขอให้เราแต่งตัวได้สบายๆ เราไม่ได้ขอให้แก้ผ้ามาเรียนหรือแต่งคอสเพลย์คุริลินมาเรียนได้ซักหน่อย”
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามสนธิสัญญากันโดยมี “Neko wall” เป็นเส้นกั้นพรมแดนของทั้งสองรัฐ โดย “ใน มธ. ตะวันตก” (สีแดง) จะปกครองด้วย “ระบอบเสรีบิกินี่โนบรา” โดยมีเพลงประจำมหาวิทยาลัย (ทำนองมอญดูดาว) เป็นเพลงชาติ และไม่อนุญาตให้ประชาชนใส่เสื้อผ้าใด ๆ เลย หรือในกรณีที่มีอากาศหนาวอนุญาตให้ประชาชนสวมเพียงเกาะอกหรือบิกินี่ได้เท่านั้น
ส่วน “ใน มธ. ตะวันออก” (สีเหลืองอ่อน) จะปกครองด้วย “ระบอบเสรีภาพทุกตารางนิ้วอันมีชุดนักศึกษาเป็นประมุข” โดยมีเพลงยูงทองเป็นเพลงชาติ และจะอนุญาตให้ประชาชนมีเสรีภาพในการแต่งกายได้เต็มที่ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบความเหมาะสมเท่านั้น
โดยทั้งสองเพจดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อล้อเลียนการแบ่งแยกเยอรมันตะวันออก และเยอรมันตะวันตก ซึ่งมีความแตกต่างกันในด้านระบอบการปกครอง สมัยสงครามเย็น โดยมีกำแพงเบอร์ลินเป็นตัวกั้นกลางระหว่างสองประเทศนั่นเอง
และในคืนวันที่ 10 กันยายน 255 เสียงปืน (ทางความคิด) ก็ดังขึ้นระหว่าง “ใน มธ. ตะวันออก” และ “ใน มธ. ตะวันตก” ต่างฝ่ายต่างก็งัดความเห็นมาอภิปราย เสียดสีกันไปมาอย่างถึงพริกถึงขิง และจากกระแสดังกล่าวส่งผลให้มีแฟนเพจอื่น ๆ เกี่ยวกับ มธ. ตามมาอีกเพียบ เช่นเพจ “In North TU” “ใน มธ. เหนือ ลำปาง” “สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลีภัยแห่งสหประชาชติ ณ ประเทศ มธ. ตะวันตก” “รัฐบาลพลัดถิ่น มธ.” “รัฐบาลอาณานิคม BBA แห่ง มธ. ตะวันออก” ฯลฯ และเพจอื่น ๆ ในทำนองนี้อีกเป็นจำนวนมาก
กระแสดังกล่าวยังลามไปยังมหาวิทยาลัยอื่น ๆ อีกมาก เช่น มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ได้จัดทำเพจ “ราชอาณาจักร ม.กรุงเทพ” (651 ไลค์) ขึ้นมาเพื่อแสดงตัวเป็นกลางระหว่างการสู้รบกันของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังมีการขอให้เพจชื่อดังในเฟซบุ๊ก อาทิ โหดสัส V2 (183,060 ไลค์) และวิวาทะ (92,558 ไลค์) เข้ามาเป็นพันธมิตรอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556 เพจ “ไฟเขียวประเทศไทย” (11,657 ไลค์) ซึ่งอ้างว่ามีทีมงานอยู่ใน มธ. ได้สรุปสถานการณ์ไว้ดังนี้
ทั้งนี้ จากกระแสดังกล่าวส่งผลให้มีนักศึกษาธรรมศาสตร์ทั้งศิษย์เก่าและปัจจุบันแสดงอาการไม่พอใจ และแสดงความคิดเห็นด้านลบต่อแฟนเพจดังกล่าว เช่น “… ขอแสดงความเห็นหน่อยเถอะว่า ทำไมพวกคุณไม่ภูมิใจในสถาบันธรรมศาสตร์ ซึ่งดิฉันเองก็จบมาจากที่นี่ แล้วคุณมาสมัครเรียนที่นี่ให้เปลืองพื้นที่คนไม่มีโอกาสทำไม … อย่าอ้างว่าให้ดูอย่างอเมริกาว่าใส่ชุดไปรเวท แล้วยังทำงานได้ นั่นต่างประเทศ แต่พวกคุณอยู่ประเทศนี้ก็ทำตามระเบียบสิ ไม่งั้นเวลาไปทำงานที่ไหน พวกคุณไม่มีระเบียบวินัย เค้าก็ไม่เอาพวกคุณหรอก”
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า หลายเพจที่ตั้งขึ้นมาล้วนมีจุดประสงค์เดียวกันคือต้องการล้อเลียนเสียดสี มธ. กรณีบังคับให้ใส่ชุดนักศึกษา แม้กระทั่งในเพจอย่าง “ใน มธ. ตะวันออก” ซึ่งแสดงจุดยืนว่าต้องการใส่ชุดนักศึกษาก็ตาม แต่ทั้งหมดล้วนเป็นแค่การเสียดสีเพื่อให้ประชาคม มธ. ตระหนักว่าการบังคับให้ใส่ชุดนักศึกษานั้นถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และชุดนักศึกษาไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต่อการศึกษาระดับอุดมศึกษาสักนิดเดียว
และกระแสดังกล่าวยังช่วยผลักดันให้อีกหลายมหาวิทยาลัยตระหนักในเรื่องสิทธิเสรีภาพของนักศึกษา เห็นได้ว่าเริ่มมีหลายสถาบันออกมาถกเถียงในเรื่องดังกล่าวนี้แล้ว ผ่านแฟนเพจต่าง ๆ เช่น “ราชอาณาจักร ม.กรุงเทพ” เป็นต้น
น่าสนใจว่าเรื่องดังกล่าวจะไปจบที่ตรงไหน เนื่องจากวันนี้ (12 กันยายน 2556) เป็นวันเลือกตั้งอธิการบดีคนใหม่ของ มธ. (ซึ่งในเพจต่าง ๆ ที่กล่าวมาก็มีเพจที่สนับสนุนให้ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อ.ภาควิชาประวัติศาสตร์ และ ธเนศ วงศ์ยานนาวา อ.คณะรัฐศาสตร์ ขึ้นเป็นอธิการบดีเช่นกัน) ดังนั้นต้องรอดูท่าที “อธิการบดีคนใหม่” ว่าจะกล้าแก้ปัญหาตรงนี้อย่างไรให้ตรงจุด และให้ประชาคม มธ. ยอมรับมากที่สุด
จะทุบ “Neko Wall” อย่างไรไม่ให้ “เลือดตกยางออก” เหมือนอย่าง “กำแพงเบอร์ลิน” ที่ผ่านมา