'ชวน'ปฏิเสธปฎิรูปปท.ฝากรัฐอย่าเลือกปฏิบัติ
นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะผู้ประสานงานสภาปฏิรูปประเทศไทยของรัฐบาล กล่าวภายหลังเข้าพบ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรคโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ว่า เหมือนกับที่มาพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว แต่ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า เป็นการพบคนละคนควรจะให้สัมภาษณ์ นายบรรหาร จึงกล่าวว่า ขอพูดเพียงแค่สั้นๆ ว่า เป็นที่รับทราบกันอยู่แล้วว่า ตนเชิญให้เข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมืองและรับฟังปัญหาต่าง ๆ ซึ่งก็ได้ข้อมูลหลายอย่างที่นายชวนมอบให้ จึงถือว่าการมาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ โดยนายชวนขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาล ซึ่งหากทำได้ก็หมดปัญหา ผู้สื่อข่าวได้พยายามถามอีกว่า นายชวนให้คำชี้แนะ แต่ไม่ร่วมใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวสั้น ๆ ว่า ไม่ตอบ แต่นายชวนได้ฝากเรื่องปัญหายางพาราเอาไว้ จากนั้นนายบรรหารได้แหวกวงล้อมของสื่อมวลชนไปขึ้นรถทีนที
ด้านนายชวน กล่าวว่า ตนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสภาปฏิรูป แต่ได้ให้ข้อมูลกับนายบรรหารว่าสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร ซึ่งก็พบว่าบางเรื่องนายบรรหารไม่มีข้อมูล สรุปคือการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในอนาคตขึ้นอยู่กับการกระทำในปัจจุบันเป็นสำคัญโดยอยู่ที่ภาคปฏิบัติไม่ใช่ทฤษฎี เมื่อพูดถึงการเมืองผู้ปฏิบัติต้องยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยเคารพอำนาจซึ่งกันและกัน ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ต้องไม่แทรกแซงหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยรัฐบาลต้องเป็นหลัก ซึ่งตนได้มอบหลักธรรมาภิบาล 6 ข้อกับนายบรรหารว่า หากรัฐบาลฏิบัติตามจะเป็นแบบอย่างที่ดี เช่น การเคารพกฎหมายบ้านเมือง ใช้กฎหมายยุติธรรมอย่างเสมอกัน เพราะความแตกแยกสามัคคีส่วนหนึ่งมาจากการเลือกปฏิบัติ เช่น คนของตนเองไม่ทำอะไร แต่คนอื่นทำก็คอยหาเรื่อง หรือความแตกแยกของเกษตรกรสวนยางพาราและชาวนาที่ขัดแย้งกันก็เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น เพราะรัฐบาลเลือกปฏิบัติ
นอกจากนี้ มีการพูดถึงว่าวันนี้ครบรอบ 7 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่าเงื่อนไข 4 ข้อที่ถูกอ้างในการทำรัฐประหารวันนี้ยังมีอยู่ทั้งหมด ทั้งการโกงกิน การแทรกแซงองค์กรอิสระ ความแตกแยกสามัคคี หรือการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ส่วนหนึ่งมาจากคนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาล ซึ่งต้องมีการทบทวนหากรัฐบาลต้องการปฏิรูปการเมือง สังคม ในอนาคต จึงต้องทบทวนตัวเองในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติ แต่หากรัฐบาลสามารถปฏิบัติเป็นตัวอย่างได้ ฝ่ายอื่นก็ไม่มีปัญหา โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ตัวปัญหาของบ้านเมือง เพราะไม่ใช่ฝ่ายปฏิบัติแล้ว และพวกตนมาจากระบอบประชาธิปไตยที่ไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียง ขณะที่บางพวกอ้างมาจากประชาธิปไตยแต่โกงเลือกตั้ง
นายชวน กล่าวอีกว่า อีกทั้งยังมีการหารือเรื่องปัญหาการชุมนุมของชาวสวนยางพาราที่ ควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพราะรัฐบาลมอบให้พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลหมดแล้ว ตนจึงขอกับนายบรรหารว่าอย่าตัดเยื่อใยกับพี่น้องชาวสวนยางพารา ต้องมีการเจรจาต่อไปอย่าปฏิเสธว่าให้เท่านี้แล้วไม่พูดอีกแล้ว ต้องให้เกียรติชวสวนยางพาราเหมือนกับเกษตรกรอาชีพอื่น และตนได้บอกกับนายบรรหารตรงๆ ว่า ท่าทีของรัฐมนตรีและนักวิชาการที่สื่อสารผ่านสาธารณะนั้นมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ จึงแนะนำว่าไม่สามารถนำเอาเกษตรกรชาวสวนยางพาราทุกภาคมาเปรียบเทียบกัน เพราะบางภาคคนทำสวนยางพาราต้องมีอาชีพหลักอย่างอื่นมาก่อน เมื่อมีฐานะดีก็ซื้อสวนยางพารา เมื่อราคาตกก็ไม่เดือดร้อน แม้แต่รองประธานสภาฯก็ยังมีสวนยางพาราเป็นร้อย ๆ ไร่ ส่วนชาวสวนยางพาราภาคใต้ทำสวนยางพารามาเป็นร้อย ๆ ปี ที่ดินที่เคยมีแปลงใหญ่เช่น 50 ไร่ ก็แบ่งให้ลูก ๆ ได้คนละไม่กี่ไร่ นี่คือสภาพความเป็นจริง
"ผมก็ได้ขอร้อง รมว.เกษตรฯไปแล้วว่าอย่าตัดเยื่อใยชาวสวนยางพารา แม้จะไม่สามารถช่วยได้มากนักก็ควรเจรจาเพื่อทำความเข้าใจ ซึ่งนายบรรหารก็รับปากที่จะนำเรื่องนี้ไปหารือในพรรคในฐานะที่มีรัฐมนตรีดูแลด้านนี้ แต่รัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติ โดยให้เหตุผลเรื่องข้าวกับยางพาราไม่เหมือนกันจนเกิดความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น รัฐบาลจึงต้องให้เกียรติประชาชนอย่าแบ่งแยก เลือกปฏิบัติ ผมยังแนะนำว่ารัฐบาลชุดนี้ถูกมองว่าโคลนนิ่งมาจากรัฐบาลทักษิณ มีการเลือกปฏิบัติกับประชาชน เลือกพัฒนาแต่จังหวัดที่เลือกพรรคตัวเอง จึงต้องเลิกใช้วิธีการนี้"นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวด้วยว่า นายบรรหารได้รับทราบข้อมูลที่ตนให้ โดยบอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยทราบมาก่อนและพอใจในข้อมูลที่ตนมอบให้ ซึ่งตนบอกว่าตนเป็น ส.ส.ติดตามข้อมูลทุกเรื่อง ดังนั้นจึงมอบข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรกับนายบรรหารไป 1 แฟ้ม เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ส่วนการวางแผนปฏิรูปในอนาคต ทุกอย่างจึงอยู่ที่รัฐบาลที่ต้องปฏิบัติตามนั้นจริง ไม่ใช่พูดแล้วไม่ปฏิบัติ เช่น การปล่อยให้คนของตนเองไปแทรกแซงองค์กรต่างๆ ปล่อยให้มารังควานพรรคฝ่ายค้าน สิ่งเหล่านี้ควรเลิกทำได้แล้ว เช่นการพิจารณาพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กลับมาวิจารณ์ว่า ฝ่ายค้านเอาตีนราน้ำอย่างนี้จะเรียกหาความสามัคคีได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลกลับไม่เป็นตัวอย่างในการให้เกิดความสามัคคีต้องเคารพหน้าที่ของแต่ละฝ่าย และย้ำให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสภาซึ่งนายบรรหารก็ยอมรับว่าเข้าใจ เพราะเมื่อมีการแปรญัตติต้องได้พูดเป็นไปตามข้อบังคับ แต่การขอลงมติปิดอภิปรายทำไม่ได้ หรือหากมีการประท้วงข้อบังคับจะให้ผู้ประท้วงได้ชี้แจง เมื่อคนแรกประท้วงไม่ได้พูด คนอื่นก็ลุกขึ้นประท้วง ซึ่งเกิดขึ้นในสภาปัจจุบัน
สำหรับทัศนคติของรัฐบาลมองว่ามีการเมืองหนุนหลัง โดยรมว.มหาดไทย ก็ยังย้ำเรื่องนี้ นายชวน กล่าวว่า หากไม่มีสติปัญญาในการแก้ปัญหา ก็อย่าใช้พื้นความคิดที่ไม่ฉลาด อย่าโยนว่าการเมืองอยู่เบื้องหลังทั้งที่ไม่จริง เพราะถ้าการเมืองอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์จะไม่เป็นเช่นนี้ที่ไปคนละทิศละทาง โดยแต่ละกลุ่มคิดอย่างไรก็ไปอย่างนั้น ซึ่งพวกตนเห็นใจชาวบ้าน เพราะข้อเรียกร้องได้ผลระดับหนึ่งจากที่ปฏิเสธไม่ให้เลย จากคำพูดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แทรกแซงราคายางพาราไม่ได้ เพราะประเทศไทยปลูกยางพาราน้อย ถือเป็นข้อมูลที่ตรงข้ามกับความเป็นจริง เพราะไทยเป็นผู้ผลิตยางอันดับ 1 ของโลก และในอนาคตมาเลเซียอาจแซงหน้า แต่วันนี้เรายังเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ แสดงว่ารัฐบาลตั้งโจทย์ผิด ผลลัพธ์ก็ออกมาคลาดเคลื่อน รัฐบาลจึงควรทบทวนตัวเอง และไม่ต้องสงสัยเพราะพรรคไม่เคยสนับสนุนให้ชาวบ้านทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้แต่การปิดรถไฟพวกตนก็ไปขอร้องให้เปิดเส้นทาง แต่ก็เข้าใจว่าเป็นข้อต่อรองของชาวบ้าน
"ใครจะกล่าวหาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญา ซึ่งผมได้ยินจากนายตำรวจในภาคใต้ว่า มีพวกสอพลอนายที่ไม่รู้จะพูดอะไร ก็อ้างการเมืองทำ ล่าสุดก็บอกการเมืองท้องถิ่น ดังนั้นหากใครยุยงให้ทำผิดกฎหมายก็จัดการตามกฎหมายแต่ต้องเสมอภาคอย่าเลือกปฏิบัติ"นายชวน กล่าว

