ผู้นำเเรงงานร้องไอแอลโอ “ไทยกีดกันแรงงานข้ามชาติ” ผิด กม.ระหว่างประเทศ
วันที่ 13 มิ.ย.54 สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) โดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการ สรส.ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ไอแอลโอ) ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ให้ตรวจสอบกรณีไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้านแรงงาน อันเป็นผลมาจากการแสวงประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติจำนวนมากในประเทศ วันเดียวกันตัวแทน สรส. กลุ่มผู้ใช้แรงงาน และผู้นำแรงงาน ยังได้ยื่นหนังสือฉบับเดียวกันต่อไอแอลโอประจำประเทศไทย
........................
นายสาวิทย์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนพร้อมเอกสารประกอบมากกว่า 500 หน้า เเสดงหลักฐานยืนยันถึงการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ต่อเเรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่า ในการเข้าถึงกองทุนเงินทดแทนของสำนักงานประกันสังคม(สปส.) หลังเเรงงานข้ามชาติได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน การปฏิเสธสิทธิของเเรงงานข้ามชาติในการเข้าถึงกองทุนเงินทดแทน ตามหนังสือเวียน สปส.ที่ รส. 0711/ว 751
เป็นข้อห่วงใยในปี 2553 ของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญไอแอลโอด้านการมีผลบังคับของอนุสัญญาและข้อเสนอแนะและผู้รายงานพิเศษเเห่งสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนของเเรงงานย้ายถิ่นที่ เรียกร้องให้รัฐบาลไทย “ทบทวน” หนังสือเวียนฉบับดังกล่าวและให้นำแรงงานข้ามชาติเข้าสู่ระบบกองทุนเงินทดแทน แต่รัฐบาลไทยยังนิ่งเฉย เเละยังคงปฏิเสธสิทธิของแรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่าที่จะได้รับเงินทดแทน กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานจากกองทุนเงินทดแทน
ทั้งนี้วันที่ 14 มิ.ย. 54 กระทรวงแรงงานจะขอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดตั้งกองทุนประกันอุบัติเหตุเอกชนสำหรับแรงงานข้ามชาติ ซึ่งให้สิทธิประโยชน์น้อยกว่ากองทุนเงินทดแทน เพื่อจ่ายเงินทดแทนแรงงานข้ามชาติที่ประสบอุบัติเหตุเเละเจ็บป่วยจากการทำงาน เเยกต่างหากจากกองทุนเงินทดแทน
นายสาวิทย์ กล่าวจากนครเจนีวาว่า จากความพยายามหลายปีของการเรียกร้องสิทธิเท่าเทียมระหว่างเเรงงานไทยเเละเเรงงานข้ามชาติ โดย สรส.อย่างต่อเนื่อง แต่รัฐบาลยังคงปล่อยให้มีการละเมิดสิทธิแรงงานข้ามชาติ ฃและการละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งที่รัฐบาลมีพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน (เรื่องเงินทดแทนกรณีอุบัติเหตุ) ค.ศ. 1925 (อ.ที่ 19)
ในวันที่ 14 มิ.ย.ที่กระทรวงแรงงานวางแผนจะเสนอให้รัฐบาลอนุมัติโครงการการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลขึ้น เพื่อที่จะจ่ายค่าชดเชยให้กับ “แรงงานข้ามชาติ” ที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเป็นแผนการที่คลุมเครือมิได้ผ่านการไตร่ตรองรอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้นนโยบายที่อ้างว่าจะปกป้องสิทธิแรงงานของแรงงานข้ามชาติจำนวนมาก แต่มีการเเยกระบบของเเรงงานข้ามชาติออกจากแรงงานไทย เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดแจ้ง
นโยบายรัฐบาลไทยที่ปฏิเสธการเข้าถึงสิทธิของแรงงานข้ามชาติในการเข้าถึงกองทุนเงินทดแทนยังคงส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อการดำรงชีวิตของแรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่าที่ทำงานในประเทศไทยซึ่งมีประมาณ 2-3 ล้าน คน ที่ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่อาจได้รับบาดเจ็บและเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน การปฏิเสธสิทธิภายใต้กองทุนเงินทดแทนนี้ จึงทำให้แรงงานข้ามชาติหลายต่อหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรงเนื่องจาก การทำงานนั้น กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือทางด้านการเงินแต่อย่างใด
“แรงงานข้ามชาติที่ตกเป็นเหยื่อจากการประสบอุบัติเหตุเนื่องจากการทำงาน สมควรได้รับการรับประกันการเยียวยาจากรัฐผ่านกองทุนเงินทดแทน หากไปรอพึ่งให้นายจ้างมาเยียวยาแต่เพียงประการเดียวแล้วนั้น ก็คงเชื่อถือไม่ได้ ดังเช่นที่ สรส.ได้รับรายงานมาเเล้วในหลายกรณี นายจ้างก็หลบหนี หรือเเจ้งตำรวจมาจับเเรงงานข้ามชาติ เพื่อจะได้ไม่ต้องรับภาระเเรงงานที่บาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน
เราไม่สามารถยอมรับโครงการประกันอุบัติเหตุสำหรับแรงงานข้ามชาติโดยเอกชน ที่ให้สิทธิประโยชน์น้อยกว่ากองทุนเงินทดแทน เเละการคุ้มครองเเรงงานข้ามชาติที่แยกต่างหากจากแรงงานไทย เป็น ระบบที่เลือกปฏิบัติ แรงงานข้ามชาติทุกคนในประเทศไทย โดยไม่ต้องมีการคำนึงถึงสัญชาติ ต้องได้รับสิทธิในด้านแรงงาน และถึงเวลาแล้วที่แรงงานข้ามชาติเหล่านี้จะต้องได้รับความคุ้มครองเมื่อได้ รับบาดเจ็บเนื่องจากการทำงานเฉกเช่นเดียวกับแรงงานไทย” นายสาวิทย์ กล่าวจากนครเจนีวา
ทั้งนี้หนังสือร้องเรียนดังกล่าว ออกในนามของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ซึ่งเป็นสมาพันธ์แรงงานของสมาคมแรงงานพนักงานรัฐวิสาหกิจในประเทศไทย 43 แห่ง ประกอบด้วยสมาชิกกว่า 170,000 คน และเป็นสมาชิกของสมาพันธ์แรงงานระหว่างประเทศ .
ที่มาภาพ : http://talk.mthai.com/topic/23698
