เจ้าของ บ.อินสแตนท์ ปัดร่วมฮั้วขาย "นาฬิกาหรู" 15 ล้าน ให้สภา
เจ้าของ “บ.อินสแตนท์” ปัดร่วมฮั้ว "บ.อิควิปแมน" ขายนาฬิกาหรู 15 ล.ให้สภา ยันไม่เคยยื่นประมูลโครงการนี้ โอดได้เงินค่าปรับปรุงห้องงบประมาณ 36 ล.ช้า ทั้งที่สภาตรวจรับแล้ว

(เยาวเรศ มิสรัตน์ ระหว่างชี้แจงกับ กมธ.)
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2556 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน โดยมีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรและเลขาธิการสภาฯ ในการดำเนินโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2556 โดยมีการเชิญ น.ส.เยาวเรศ มิสรัตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อินสแตนท์ เซอร์วิสเซส จำกัด มาชี้แจง
ทั้งนี้ บริษัท อินสแตนท์ฯ เซ็นสัญญาโครงการปรับปรุงห้องงบประมาณ วงเงิน 36 ล้านบาท โครงการจัดตั้งห้องประชุมยุทธศาสตร์เพื่อการตั้งสินใจของรัฐสภา (วอร์รูม) วงเงิน 24 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม น.ส.เยาวเรศ กล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนรับเป็นผู้ติดตั้งกล้องวงจรปิด ก่อนหน้านี้เคยทำโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดให้กับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รวมไปถึงบริษัทเอกชนอีกหลายแห่ง เท่าที่ทราบในปีนี้บริษัทได้รับงานจากสภาฯ รวม 2 โครงการ
กมธ.หลายรายติดใจว่า บริษัทอินสแตนท์ฯ จดทะเบียนก่อตั้งว่าขายกล้องวงจรปิด เหตุใดจึงมารับงานก่อสร้างกับสภาได้ ซึ่ง น.ส.เยาวเรศ กล่าวว่า เนื่องจากบริษัทมีวิศวกรที่มีทีมงานของตัวเองอยู่ และการเสนอเอกสารต่างๆ ก็เป็นไปตามขั้นตอน หากบริษัทไม่มีคุณสมบัติเพียงพอก็คงจะไม่ได้รับงานดังกล่าว
ส่วนกรณีที่ไปช่วยบริษัท อิควิปแมน จำกัด ผู้รับงานจากสภาหลายโครงการ รวมถึงโครงการจัดซื้อนาฬิกาหรู วงเงิน 15 ล้านบาทด้วย จัดหาวัสดุอุปกรณ์บางส่วนในบางโครงการที่บริษัทอิควิปแมนฯ รับงานจากสภา น.ส.เยาวเรศ กล่าวว่า เข้าไปช่วยในฐานะส่วนตัว ไม่ได้ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทอินสแตนท์ฯ เพราะรู้จักกันอยู่แล้ว ถ้าจะถามเรื่องนี้ ก็สามารถให้คำตอบได้ แต่เรื่องก็จะยาว ยืนยันว่าตนไม่ใช่เจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างของบริษัทอิควิปแมนฯ เพราะไม่เคยได้รับเงินหรือค่าจ้างจากบริษัทอิควิปแมนฯ แต่ที่เข้าไปช่วยเพราะรู้จักกันเท่านั้น
"ยืนยันว่าบริษัทอินสแตนท์ฯ ไม่เคยยื่นประมูลเป็นคู่เทียบให้กับบริษัทอิควิปแมนฯ เพราะเรารับแค่ 2 โครงการ คือปรับปรุงห้องงบ กับทำห้องวอร์รูมเท่านั้น" น.ส.เยาวเรศกล่าว
กมธ.รายหนึ่ง กล่าวว่า แต่หากพบว่าบริษัทอินสแตนท์ฯ ร่วมกับฮั้วบริษัทอิควิปแมนฯ ในการขายนาฬิกาให้กับสภาก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 9 ด้วย แต่ น.ส.เยาวเรศยังกล่าวยืนยันว่า บริษัทของตนไม่เคยยื่นเรื่องขายนาฬิกาให้สภา
น.ส.เยาวเรศยังกล่าวถึงการดำเนินงานภายในบริษัทอินสแตนท์ฯว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทนี้ เพราะเจ้าของเดิมมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ราวปี 2551-2552 ก่อนหน้านี้ทำงานในบริษัทวิทยุการบิน 8 ปี กระทั่งลาออกเมื่อเดือน พ.ค.2556 ทั้งบริษัทมีพนักงานอยู่ 6 คน ตนจะเป็นผู้ควบคุมด้านการเงินทั้งหมด แต่การเข้าไปรับเสนองานหรือรับงานกับหน่วยงานต่างๆ จะลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้กับนายธนาวุฒิ บุญประเสริฐ ฝ่ายขาย หรือนายนราวุฒิ โสธรรุ่งรังสี วิศวกร เป็นผู้ดำเนินการแทน ดังนั้นเรื่องรายละเอียดโครงการต่างๆ ตนจะไม่ทราบ ยกเว้น กรณีที่การเงินอาจมีปัญหา เช่นทั้ง 2 โครงการที่รับงานจากสภา ซึ่งปัจจุบันได้รับเงินเพียง 3 ล้านบาทเท่านั้น จากการเบิกจ่ายเป็นงวดของโครงการจัดตั้งวอร์รูมล้วนๆ ทั้งๆ ที่โครงการปรับปรุงห้องงบทำเสร็จและมีการตรวจรับไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว ทั้งๆ ที่เงินซึ่งบริษัทตนนำมาทำเป็นการกู้จากธนาคาร และทุกเดือนจะต้องเสียดอกเบี้ยราว 2 แสนบาท ซึ่งไม่รู้ว่าติดขัดอะไรถึงยังเบิกจ่ายไม่ได้
“ไม่เคยให้คอมมิสชั่นกับใครเพื่อให้ได้งานในสภา กำไรที่ได้จากการดำเนินงาน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราว 10% และก็ไม่เคยให้ใครยืมชื่อบริษัทไปทำอะไร นอกจากนี้ ตัวดิฉันก็ไม่เคยมีตำแหน่งใดๆ ในสภามาก่อน” น.ส.เยาวเรศกล่าว
