"นายกฯ-วิปรัฐบาล" 2ตัวละครสำคัญกุมชะตา "กม.ฉบับประชาชน"
เปิดเหตุปัจจัย "กม.ฉบับประชาชน" ไม่คลอด-ออกช้า นอกจากขั้นตอนการตรวจสอบรายชื่อที่กินเวลานาน ยังมี 2 ตัวละครสำคัญ นั่นคือ "นายกรัฐมนตรี-วิปรัฐบาล"

จากกรณีที่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอว่า ร่างกฎหมายในส่วนที่นำเสนอโดยประชาชน ภายหลังรัฐธรรมนูญ 2550 ลดจำนวนผู้เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย จากเดิม 50,000 คน เหลือเพียง 10,000 คน จนถึงปัจจุบันมีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาแล้ว 85 ฉบับ (อยู่ระหว่างการยกร่างและรวบรวมรายชื่อ 20 ฉบับ) แต่มีร่างกฎหมายที่นำเสนอโดยประชาชนออกมาบังคับใช้ได้จริงเพียง 6 ฉบับ หรือไม่ถึงหนึ่งในสิบ
โดยร่างกฎหมายที่นำเสนอโดยประชาชน แล้วผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา จนสามารถบังคับใช้ได้ ทั้ง 6 ฉบับ ประกอบด้วย
1.พ.ร.บ.วิชาชีพแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556
2.พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554
3.พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ.2553
4.พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553
5.พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553
และ 6.ร่าง พ.ร.บ. วิชาชีพการสาธารณะสุขชุมชน พ.ศ. …. (อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย)
โดย “นายไพโรจน์ พลเพชร” กรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) กล่าวว่า อุปสรรคที่ทำให้ร่างกฎหมายที่นำเสนอโดยประชาชนมีโอกาสผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาจนบังคับใช้ได้จริงมีค่อนข้างน้อย สาเหตุสำคัญคือขั้นตอนการตรวจสอบรายชื่อประชาชนที่เป็นผู้เสนอร่างกฎหมายนั้นๆ ว่ามีความถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งรัฐสภาจะต้องส่งไปให้กรมการปกครอง เป็นผู้ตรวจสอบ ที่ตามปกติต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะส่งเรื่องกลับมายังรัฐสภาได้ ทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวมีความล่าช้า จึงมีความพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. .... ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
“สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือให้ประชาชนสามารถเข้าชื่อได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น เพราะกำหนดให้ใช้แค่บัตรประชาชน จากเดิมที่ต้องใช้หลักฐานคือสำเนาทะเบียนบ้านด้วย ส่วนการตรวจสอบจากเดิมที่ต้องส่งไปให้กรมการปกตรวจสอบ แต่กฎหมายที่กำลังพิจารณากันอยู่ในตอนนี้ กำหนดให้ส่งมาที่เจ้าตัวเลยตรวจสอบโดยตรง ว่าเขาเป็นผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมายจริงหรือไม่” นายไพโรจน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. .... กล่าวว่า แม้ร่างกฎหมายฉบับนี้จะทำให้การเข้าชื่อกันเสนอกฎหมายของประชาชนทำได้ง่ายขึ้น แต่ร่างกฎหมายที่นำเสนอโดยประชาชนก็จะไปพบกับอีกอุปสรรคหนึ่งที่มีความสำคัญมากๆ นั่นคือการลำดับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ที่ประกอบด้วย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล
“เหตุที่ร่างกฎหมายประชาชนมักไม่ได้รับการพิจารณา หรือถูกดองในสภาฯ เป็นเวลานานๆ ก็เนื่องจากไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนขึ้นมา วิปรัฐบาลมักจะจัดเอาร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลมากกว่าให้สภาฯ ขึ้นมาพิจารณาก่อน ร่างกฎหมายประชาชนที่จะได้รับการพิจารณา หากไม่ตรงกับนโยบายของรัฐบาล โอกาสที่จะได้รับการพิจารณาเร็วๆ ก็น้อย ยกเว้นรัฐบาลนั้นต้องการเอาใจประชาชนบางกลุ่ม จึงหยิบร่างกฎหมายที่ประชาชนกลุ่มนั้นเสนอขึ้นมาพิจารณาก่อน” นพ.วรงค์กล่าว
นพ.วรงค์ ยังกล่าวว่า อีกปัญหาคือร่างกฎหมายที่นำเสนอโดยประชาชนจำนวนไม่น้อยเป็น “กฎหมายการเงิน” ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 142 วรรคสอง ระบุว่าจะต้องให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับรองซึ่งโดยทั่วไป ร่างกฎหมายประชาชนที่เป็นกฎหมายการเงิน และไม่ตรงกับนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีมักจะไม่ลงนามให้ หรือลงนามให้ แต่อาจต้องใช้เวลาตรวจสอบ
“ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย จึงช่วยได้เพียงอำนวยความสะดวกในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประชาชนให้ทำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ส่วนร่างกฎหมายประชาชนที่นำเสนอมาแล้วจะผ่านหรือไม่ผ่าน ปัจจุบันสำคัญอยู่ที่บุคคลในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีและวิปรัฐบาล นี่พูดถึงทุกรัฐบาล ไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์” นพ.วรงค์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 30 ตุลาคม 2556 พบว่า ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. .... (ซึ่งคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว) ถูกเลื่อนขึ้นมาให้อยู่ในวาระเพื่อพิจารณาเรื่องที่ 2 ต่อจาก ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. .... เพียงฉบับเดียว
จึงน่าัจบตาว่า ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ. .... จะผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร ก่อนปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2556 นี้ หรือไม่ ???
ภาพประกอบ - นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ขณะรับหนังสือเร่งรัดให้พิจารณาร่างกฎหมายที่นำเสนอโดยประชาชน ภาพจากเว็บไซต์ www.consumerthai.org
