เบื้องหลังอาวุธประจำ"ม็อบ"ชิ้นใหม่ “นกหวีดVSหวูดรถไฟความเร็วสูง”
"..ขณะนี้ "สงครามแห่งเสียง" ของผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายมีอาวุธอยู่ในมือ คือ "นกหวีด" และ "หวูดรถไฟความเร็วสูง (แตร)" ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว.."

การชุมนุมของกลุ่มต่อต้าน-สนับสนุน รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยอยู่ในขณะนี้
นอกเหนือจากการต่อสู้ ในเรื่องของ "อุดมการณ์" และ ความคิด ชนิดที่ยืนกันคนละฝั่ง มองเห็นกันคนละด้าน ที่ปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้ว
การต่อสู้ในเชิงสัญลักษณ์ ผ่าน “อุปกรณ์” ที่นำมาใช้ประกอบการชุมนุมก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน
“นกหวีด” คือ อุปกรณ์ที่ผู้ชุมนุมฝั่งเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายใต้การนำของอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปตัย์ นำมาใช้ ทั้งในการนั่งฝั่งปราศรัยบนเวที การเคลื่อนขบวนไปทำกิจกรรมตามจุดต่างๆ ทั่ว กทม.
จุดเริ่มต้นของการเป่านกหวีด (Whistleblower) มาจาก “ราล์ฟ เนเดอร์” (Ralph Nadar) นักกฎหมาย นักเขียนและนักต่อสู้เพื่อสังคมชาวอเมริกัน ผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของอเมริกา ในปี ค.ศ. 1970 เขาได้ตัดสินใจเป่านกหวีดในสภา เพื่อเตือนรัฐบาลที่เริ่มมีพฤติกรรมทุจริตในการบริหารบ้านเมือง
คำว่า Whistleblower แปลตรงตัวได้ว่า “คนเป่านกหวีด” ซึ่งคนเป่านกหวีด เปรียบเสมือนผู้มีหน้าที่แจ้งว่า มีการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมายเกิดขึ้น
โดยในช่วงต่อมาอเมริกาก็ได้มีการร่างกฎหมายเกี่ยวกับ คนเป่านกหวีด ชื่อว่า Whistleblower Protection Act 1989 โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการคุ้มครอง โดยคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐและข้อมูลที่มีความเชื่อมโยงหรือเผยให้เห็นถึงการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น การใช้อำนาจโดยมิชอบ , การคอรัปชั่น ฯลฯ โดยผู้ที่มีข้อมูลการทุจริตสามารถรายงานให้แก่ผู้บังคับบัญชา หรือหน่วยงานภายนอกได้
การนำ “นกหวีด” มาใช้สำหรับการต่อต้านกม.นิรโทษกรรม ในประเทศไทย จึงเป็นอะไรที่ดูเหมือนจะลงตัวตามหลักการแบบสากลเป็นอย่างมาก
การเป่านกหวีดในประเทศไทย จึงถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประชาชนที่ต้องการชี้ให้เห็นว่า มีการกระทำผิดของรัฐเกิดขึ้น
และเสียงนกหวีดที่ดังออกมา ยังเสมือนเป็นเหมือนสัญญาณเตือนแจ้งให้ประชาชน รับรู้ว่า การต่อต้านกฎหมายที่ไม่ชอบธรรม เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
ใครยังนอนหลับทับสิทธิ์อยู่ลุกขึ้นมาได้แล้ว
ล่าสุดในประเทศไทย การเป่านกหวีด ถูกยกระดับให้เป็นหนึ่งในมาตรการอารยะขัดขืน ที่ นาย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำม็อบ ประกาศไว้ เพื่อขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมหรือประชาชนที่สนับสนุนแนวคิดต่อต้านรัฐบาล หากเจอคนฝ่ายรัฐบาลให้เป่านกหวีดใส่ทันที
โดยนักการเมืองฝั่งรัฐบาล ที่เจอมาตรการ “เป่านกหวีดขับไล่” เข้าไปเต็มๆ ก็คือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขณะมารับประทานอาหารที่โรงแรมปริ้นเซส ก่อนที่จะรีบหนีขึ้นรถไป (มีคนนำข้อมูลมาเปิดเผยในภายหลังว่ากลุ่มคนที่ไปเป่านกหวีดไล่นายจาตุรนต์ มีนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ร่วมอยู่ด้วย อาทิเช่น นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์)
สำหรับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เพิ่งออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลอีกครั้ง ภายหลังจากที่รัฐบาลยอมถอยการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม
อุปกรณ์ที่นำมาใช้ประกอบในการชุมนุมที่กำลังถูกกล่าวถึงอย่างมากในขณะนี้ คือ “แตร”
“เราไม่ขอเรียกว่า แตร นะ แต่ขอให้เรียกว่า "หวูดรถไฟความเร็วสูง" แทน” นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org
ก่อนจะอธิบายที่มาที่ไปของเจ้าหวูดรถไฟความเร็วสูง ว่า ในการต่อสู้ของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา เรามีการคิดอุปกรณ์ มาใช้ประกอบการชุมนุมอยู่ตลอด และมันถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งที่กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการแสดงออกให้สังคมได้รับรู้รับทราบ
“กลุ่มพันธมิตร ใช้เสื้อเหลือง กลุ่มเราก็ใช้เสื้อแดง กลุ่มพันธมิตร ใช้มือตบ เราก็มีตีนตบ หัวใจตบ มันเป็นการต่อสู้กันในเชิงสัญลักษณ์อย่างแท้จริง”
“มาครั้งนี้ กลุ่มคนเสื้อแดง กำลังต่อสู้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ภายใต้การนำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่หวังโค่นล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ เขาใช้นกหวีด เราก็มีหวูดรถไฟความเร็วสูงสู้ ซึ่งของเราเสียงดังกว่าเยอะ”
นพ.เหวง ยังเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของหวูดรถไฟความเร็วสูง ว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศถอนร่างกม.นิรโทษกรรมอย่างเป็นทางการแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดง มีการนัดรวมตัวที่เมืองทองธานี มีผู้ชุมนุมบางส่วนนำแตรมาเป่าในที่ชุมนุมด้วย
แกนนำคนเสื้อแดงหลายคนเห็นแล้วก็มีความเห็นตรงกันว่า แตร น่าจะเป็นสัญลักษณ์ที่เหมาะสม ที่จะนำมาต่อสู้กับเสียงนกหวีดได้
จึงสนับสนุนการใช้แตรเป็นสัญลักษณ์การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“แตรของเราเสียงดังกว่านกหวีดอยู่แล้ว ส่วนที่ให้ชื่อว่า หวูดรถไฟความเร็วสูงก็เป็นเพราะ มันเป็นสัญลักษณ์แทนนโยบายการลงทุนระบบรถไฟความเร็วสูงครั้งใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลชุดนี้ ใครจะมาล้มไม่ได้”
นพ.เหวง ยังระบุด้วยว่า ในการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงอีกหลายครั้งต่อมา แกนนำคนเสื้อแดง หลายคนได้ไปสั่งผลิตแตรมาแจกจ่ายให้กับคนเสื้อแดง ที่เข้าร่วมชุมนุมด้วย ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน จนยอดแตรที่สั่งทำปัจจุบันขึ้นเป็นหลักแสนอันแล้ว
นพ.เหวง ยังกล่าวถึงการตอบโต้มาตรการอารยะขัดขืน ของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ว่า ขณะนี้ได้มีการกระจายข่าวไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงทั่วประเทศแล้ว ว่า ให้ดำเนินการตอบโต้ทันที บริษัทเอกชนห้างร้านไหน หรือสถานบันการศึกษาแห่งไหน เข้าร่วมกับมาตรการอารยะดังกล่าว จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ เจ๊แดง ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นปราศรัยต่อต้านกลุ่มโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องสาว
พร้อมเรียกร้องให้คนเหนือรวมพลังต่อสู้กับอำนาจนอกระบบทุกรูปแบบ และขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมเป่าแตรไล่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออก 9 คน เพื่อล้มรัฐบาลด้วยเช่นกัน
งานนี้ ไม่รู้ว่าในท้ายที่สุด สถานการณ์บ้านเมือง จะเลยเถิดถึงขึ้น "สงครามกลางเมือง" ตามที่หลายฝ่ายวิตกกังวลและเป็นห่วงกันหรือไม่ (เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น)
แต่ขณะนี้ "สงครามแห่งเสียง" ของผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายมีอาวุธอยู่ในมือ คือ "นกหวีด" และ หวูดรถไฟความเร็วสูง (แตร)"
ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
