เรื่องชุลมุน ! หลัง “ขุนค้อน” ไม่รับญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจ

จู่ๆ กลายเป็นเรื่องขึ้นมา เมื่อ “สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ประธานสภาผู้แทนราษฎร บ่ายเบี่ยงที่จะรับญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับ “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” รมว.มหาดไทย จาก 146 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
โดย “ขุนค้อน” อ้างว่าเนื่องจากฝ่ายค้าน ไม่ได้นำรายละเอียดข้อกล่าวหาที่ ส.ส.ปชป.ได้ไปยื่นถอดถอนบุคคลทั้ง 2 ต่อวุฒิสภา มาประกอบด้วย ทำให้ญัตติดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ ...อาจบรรจุเป็นวาระการประชุมสภาฯ ไม่ได้ !?
ทั้งๆ ที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสอง ระบุเพียงว่า การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือทำผิดกฎหมาย ให้ยื่นถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 ก่อนเท่านั้น ไม่มีระบุไว้ตรงที่ไหนว่าจะต้องนำข้อกล่าวหาที่ระบุไว้ในคำร้องขอถอดถอนมายื่นประกอบญัตติแต่อย่างใด
และการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจสมัย “สมศักดิ์” เป็นประธานสภาฯ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยมีการเรียกร้องเอกสารดังกล่าวมาก่อน
ทว่า ประธานสภาฯ ยืนกรานว่าจะต้องนำเอกสารดังกล่าวมาประกอบ ไม่เช่นนั้นอาจจะให้ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตกไป ทำให้เกิดการโต้เถียงไปมาระหว่างตัวสมศักดิ์ กับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” ประธานคณะประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เป็นเวลากว่าสิบนาที
(สมศักดิ์) เนื่องจากทางคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ขอความร่วมมือมา ประกอบกับฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ยืนยันว่าจะต้องส่งเอกสารข้อกล่าวหาที่ยื่นถอดถอนไว้แนบมากับญัตติด้วย ไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่ยุติธรรมต่อผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าให้เรียบเทียบก็เหมือนคดีขึ้นสู่ศาลโดยที่จำเลยไม่ทราบข้อกล่าวหามาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ถูกต้อง ดังนั้นผมคงต้องขอความร่วมมือจากฝ่ายค้าน
(จุรินทร์) ที่ไม่ให้เอกสารข้อกล่าวหาที่ยื่นถอดถอนไว้ ไม่ใช่พวกเราไม่แฟร์ แต่เนื่องจากเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารลับ และหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เห็นว่ามีมูล ก็จะส่งเรื่องกลับมาที่วุฒิสภา ซึ่งต้องมีการระบุข้อกล่าวหาอยู่แล้ว นอกจากนี้การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไว้วางใจครั้งนี้ เราก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดจากรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
(สมศักดิ์) เมื่อวิปรัฐบาลแสดงเจตนา ผมก็ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย เขาก็เห็นว่าควรจะยื่นมาด้วย ไม่เช่นนั้นจะถือว่าญัตตินี้ไม่สมบูรณ์
(จุรินทร์) ที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยต้องยื่นเอกสารนั้นไว้ในญัตติ เหตุใดครั้งนี้ถึงต้องยื่น
(สมศักดิ์) คือผมก็ไม่อยากให้เป็นประเด็น แต่ผมได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องเอาข้อเท็จจริงมาต่อสู้กันมากกว่า ดังนั้นควรจะมีระบุข้อหาว่ามีอะไรบ้าง หนึ่ง สอง สาม สี่ เพื่อที่รัฐบาลจะได้เตรียมตัวมาต่อสู้ ฝ่ายกฎหมายเขาว่ามาอย่างนี้ ตัวผมเองก็อึดอัดใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเหมือนกัน
(จุรินทร์) เรื่องข้อกล่าวหา พวกผมก็จะเปิดเผยต่อสื่อหลังจากนี้อยู่แล้วว่ามีอะไรบ้าง หนึ่ง สอง สาม สี่
(สมศักดิ์) ผมพยายามให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เท่าที่คุยกับฝ่ายกฎหมาย เขาก็เห็นว่าควรจะแนบข้อหามาด้วย
(จุรินทร์) ท่านประธานจะเอาข้อเสนอของวิปรัฐบาลมาเป็นเงื่อนไขในการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้
(สมศักดิ์) ผมก็ขอยืนยันว่าต้องรอเอกสารข้อหาก่อน จากนั้นค่อยมาพิจารณาว่าจะสามารถรับญัตตินี้ไว้ได้หรือไม่
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวต่างก็ซักถามบางข้อสงสัย
(ผู้สื่อข่าว) ตามธรรมเนียมไม่เคยปรากฎว่าต้องยื่นเอกสารดังกล่าวพร้อมญัตตินี้ ทำไมครั้งนี้ถึงต้องยื่นด้วย
(สมศักดิ์) เดี๋ยวผมขอกลับไปดูอีกทีว่าธรรมเนียมเป็นอย่างไร
(ผู้สื่อข่าว) ถ้าฝ่ายค้านไม่ยื่นเอกสารดังกล่าวมาให้ ก็จะไม่รับญัตตินี้ไว้บรรจุเป็นวาระใช่หรือไม่
(สมศักดิ์) ถ้าเอกสารไม่ครบ มันก็บรรจุไม่ได้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ หลายๆ คำถามหลังจากนั้น สมศักดิ์จะให้คำตอบว่า "ต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายก่อน"
“จุรินทร์” ให้สัมภาษณ์ภายหลัง “สมศักดิ์” เดินเลี่ยงออกไปว่า ญัตติที่ ปชป.ยื่นสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ คือยื่นถอดถอนก่อนแล้วจึงยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในอดีตก็ไม่เคยมีกรณีที่ต้องนำข้อหาในการถอดถอนมาเปิดเผยก่อน หรือต้องยื่นประกอบญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ผมเชื่อว่านี้เป็นความพยายามในการกีดกันการทำหน้าที่ หากนายกรัฐมนตรีบอกว่าพร้อมรับการตรวจสอบในสภา ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกระทำเช่นนี้” ประธานฝ่ายค้านระบุ
ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนก็แสดงความไม่พอใจต่อท่าทีดังกล่าวของประธานสภาฯ โดย “บุญยอด สุขถิ่นไทย” ถึงกับนกหวีดขึ้นมาเป่าไล่หลังสมศักดิ์ ส่วน “กุลเดช พัวพัฒนกุล” ตะโกนถามว่า ประธานสภาฯ มีความเป็นกลางหรือไม่
น่าสนใจว่า “สมศักดิ์” จะไม่ยอมให้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ยิ่งลักษณ์-จารุพงศ์” โดยอ้างว่าฝ่ายค้านส่งเอกสารไม่ครบจริงหรือไม่ โปรดติดตาม !!!
