แกรนด์แสลมใหม่ขาอ่อนโลก ‘มิสแกรนด์ อินเตอร์ฯ’ มาตรวัดฝีมือคนไทย

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการประกวด ‘มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2013’ ที่จัดขึ้น ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Stop the War’ ถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยมีสาวงามจาก 75 ประเทศทั่วโลกร่วมประชันโฉม และท้ายที่สุด ‘เจนเนลี ชาปาร์โร’ สาววัย 22 ปี จากเปอร์โตริโก ก็คว้ามงกุฎอันทรงเกียรติไปครอง พร้อมเงินรางวัลร่วม 1 ล้านบาท และสิทธิในการครอบครองคอนโดมิเนียม 1 ห้องชุด ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง 1 ปี ซึ่งภารกิจแรกของเธอคือการไปเยือนอียิปต์ เพื่อรณรงค์การยุติสงครามที่กำลังเกิดขึ้น
‘มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ นับเป็นเวทีประชันขาอ่อนสัญชาติไทยเวทีแรก แกรนด์แสลมใหม่ของโลกที่มีมาตรฐานเทียบเท่ามิสยูนิเวิร์ส, มิสเวิลด์ และมิสเอิร์ธ โดยมี ‘ณวัฒน์ อิสรไกรศีล’ เป็นประธานและผู้ก่อตั้งการประกวด
ภายหลังก่อนหน้านี้ ‘ณวัฒน์’ เคยรับเป็นผู้จัดการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์และนางสงกรานต์แห่งประเทศไทย ถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 มาแล้ว ซึ่งเห็นถึงความพยายามผลักดันสร้างมาตรฐานการประกวดสาวงามอย่างที่ควรจะเป็น
กระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา ‘คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์’ ระหกระเหินข้ามช่องมาร่วมชายคาช่อง 3 ในฐานะผู้บริหารบริษัท จันทร์ 25 จำกัด รับผลิตละครเบาสมองตอนเย็นในช่วงเวลาเดิมของ ‘งัด-สุพล วิเชียรฉาย’ พร้อม ๆ กับข่าวถูกเด้งไม่เป็นชิ้นดีของ ‘ณวัฒน์’ ออกจากเวทีขาอ่อนที่เคยครอบครองมานาน ทั้งที่มาตรฐานการประกวดดีจนแทบไม่มีที่ติ เมื่อเทียบกับเวทีอื่น ๆ ในไทย แล้วให้การประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2013 ที่เคยอยู่ในมือตกเป็นของ ‘งัด-สุพล’ แทน โดยมี ‘คุณแดง สุรางค์’ เป็นที่ปรึกษาฯ
จะด้วยเหตุผลกลเกมใดไม่มีใครล่วงรู้ได้ แต่สุดท้าย ‘ณวัฒน์’ ก็หอบผ้าหอบผ่อนไปซบผู้บริหารช่อง 7 ซึ่งขณะนั้นกำลังขาดสุญญากาศการจัดประกวดเวทีขาอ่อนอยู่ เนื่องจากมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สนั้นถือลิขสิทธิ์โดย ‘คุณแดง สุรางค์’ ฉะนั้นเมื่อเธอถูกปลดฟ้าผ่าออกจากบอร์ดจึงย้ายการประกวดไปพึ่งช่อง 5 แทน
‘ณวัฒน์’ จึงได้รับความไว้วางใจจัดกองประกวด ‘มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2013’ ขึ้น และสานฝันแนวคิดตนเองที่จะพัฒนาการประกวดในระดับมาตรฐานนานาชาติ เพื่อแสดงศักยภาพให้ตกแก่สายตาชาวโลกว่า “คนไทยก็ทำได้” ด้วยการยกระดับการประกวดเป็น ‘มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ ขึ้นด้วย เสมือนตอกย้ำถึงฝีมือของตนเองให้ใครบางคนรู้สึกเสียดาย ???
และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไทยที่ร้อนระอุทุกขณะ การประกวดฯ ได้ถูกโยงใยเข้าไปกับสถานการณ์นั้นเมื่อหลายคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไอเดียสุดเก๋ (ในแนวคิดผู้จัดฯ) ให้สาวงามร่วมชูป้าย ‘No Mob-Stop tha War’ ซึ่งเมื่อทราบถึงหูของ ‘ณวัฒน์’ ก็รีบออกมาชี้แจงกับสื่อใหญ่หลายสำนักว่าไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาทางการเมือง แต่คอนเซ็ปต์ดังกล่าวเป็นเพียงการรณรงค์หยุดม็อบ เพื่อหวังยุติความรุนแรงในประเทศต่าง ๆ เท่านั้น
การันตีมาตรฐาน ไร้เส้นสาย-ไร้ล็อกโหวต
ด้วยคอนเซ็ปต์ที่มุ่งรณรงค์ยุติความรุนแรงที่มากับสงครามทำให้การประกวดฯ เวทีนี้ดูมีมนต์ขลัง และเชื่อว่าหลายคนที่นั่งชมการถ่ายสดคงจับตามองว่าประเทศใดบ้างจะเข้าสู่รอบต่อไป ซึ่งหากสังเกตให้ดีแต่ละประเทศที่เข้ารอบนั้นไม่ว่าจะเป็นรอบ 20 คนสุดท้าย รอบ 10 คนสุดท้าย และรอบ 5 คนสุดท้าย สาวงามแต่ละคนล้วนมีดีกรีความสวย สง่า มาจากประเทศที่ผ่านสงคราม การเรียกร้องประชาธิปไตย และการสูญเสียจากความรุนแรงแทบทั้งสิ้น เช่น ฟิลิปปินส์ พม่า ศรีลังกา จีน หรือแม้แต่ไทย ซึ่งหากเป็นเวทีระดับโลกอื่น คงยากที่จะเห็น ‘ศรีลังกา และ พม่า’ ผ่านเข้ารอบได้ จึงนับเป็นการการันตีมาตรฐานอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้สิ่งที่ผู้เข้าประกวดหลายคนกลัว คือ ชาติมหาอำนาจด้านนางงามอย่าง ‘เวเนซูเอล่า’ มักจะคว้าตำแหน่งชนะเลิศเกือบทุกเวที โดยเฉพาะมิสยูนิเวิร์ส เพราะต้องยอมรับว่าประเทศนี้มีการเปิดโรงเรียนสอนนางงามตั้งแต่วัยเยาว์ ฉะนั้นจึงไม่แปลกหากจะถูกล็อกจากหลายเวทีให้เข้าสู่รอบ 5 คนสุดท้าย
หรือมิสเวิลด์ ที่มักเอาใจเจ้าภาพจัดการประกวดมอบรางวัลต่าง ๆ ให้ ??? เห็นได้ชัดกับการจัดประกวดที่จีน ซึ่งสาวจีนผ่านเข้ารอบและได้รับรางวัลชนะเลิศแบบค้านสายตาเต็ม ๆ แต่เวทีระดับ ‘ณวัฒน์’ ได้หักดิบสูตรนี้โดยสิ้นเชิง แม้ ‘เวเนซุเอล่า’ จะผ่านเข้ารอบ แต่ก็ไม่สามารถทะลุสู่ช่วงชิงดำได้
ด้วยวินาทีนั้นราศีของสาวงามจากชาติ ‘เปอร์โตริโก’ ที่ฉายแววความโดดเด่นตั้งแต่รอบแรก ๆ ท่วงท่าการเดินบนเวทีที่สง่างาม มั่นใจ ไร้ที่ติ จึงคว้ามงกุฎไปครองโดยไม่ค้านสายตาคนดูแม้แต่น้อย อีกทั้ง รางวัลอื่น ๆ เช่น ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ก็ไม่เป็นที่กังขา เพราะสาวจีนคว้าไปครองด้วยลายผ้าที่ละเอียด บ่งบอกถึงความเป็นชาตินิยมอย่างดี ทั้งหมดนี้คงต้องยกเครดิตให้คณะกรรมการตัดสินที่สามารถสร้างมาตรฐานการันตี ไร้เส้นสาย ไร้ล็อกโหวต
ผิดกับเวทีการประกวดคู่แข่งลิขสิทธิ์ ‘คุณแดง สุรางค์’ ที่ช่วงหนึ่งสาวไทยมักได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ก็ไม่น่าภูมิใจ เพราะรางวัลดังกล่าวได้จากการโหวต (ประเทศใดเงินมากก็โหวตมาก) คล้าย ๆ กับการซื้อรางวัลหรือไม่...ต้องลองคิดดู
ประกอบกับ อย่าเพิ่งหลงลืมไปว่าช่วงที่ไทยได้นั้นเป็นช่วงที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยร่วมสนับสนุนในเวทีนั้นอยู่ ฉะนั้นการจะใช้ชาติสปอนเซอร์ได้รับรางวัลคงไม่น่าเกลียดมากนัก เมื่อแลกกับผลประโยชน์
จึงพูดได้เต็มปากว่า ‘มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ สร้างมาตรฐานใหม่ในวงการนางงามโลกแล้ว และที่สำคัญ ไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพคงจะได้รับอานิสงส์จากการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวด้วย
เสียอย่างเดียว การประกวดฯ ครั้งต่อไป อย่าหลงเข้าไปในแวดวงการเมืองอีก
เป็นพอ .
************************
ภาพประกอบ:www.matichon.co.th
www.bangkok-today.com
