เดินเท้า 5 ชม. ยึด “คลัง-สำนักงบฯ” สุเทพกุมน้ำเลี้ยงระบอบทักษิณ?
เพียง 5 ชั่วโมง กับระยะทางเดินเท้า 6.6 กิโลเมตร ม็อบราชดำเนินที่นำโดย “สุเทพ” ก็ยกระดับไปอีกขั้นสู่การยึดสถานที่ราชการ เพิ่มแรงกดดันต่อ รบ.ยิ่งลักษณ์

ภายหลัง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แกนนำใหญ่ม็อบราชดำเนิน ประกาศเคลื่อนพลดาวกระจาย บุกสถานที่ราชการ-สถานีโทรทัศน์ รวม 13 จุด เพื่อตัดแข้งตัดขา “หน่วยงานราชการ-สื่อ” ที่อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รายนี้มองว่าคอยช่วยค้ำจุนระบอบทักษิณมาโดยตลอด
ราวเก้าโมงเช้าของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 สุเทพในฐานะผู้นำดาวกระจาย-สายสำนักงบประมาณ ก็เริ่มออกจากเดินจากเวทีปราศรัยใหญ่-อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยระหว่างทางมีมวลชนจำนวนมากคอยมารายล้อมสุเทพอยู่ตลอด ทั้งนี้ ได้มีการประกาศเชิญชวนให้ทุกคนร่วมเดินไปที่สำนักงบฯ-ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยกัน
สำหรับเส้นทางที่สุเทพก้าวเดิน เมื่อออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็ผ่านสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าถนนพระรามหก ผ่านแยกยมราช และเข้าถนนเพชรบุรี ก่อนเลี้ยวซ้ายตรงแยกอุรุพงษ์ เพื่อเข้าสู่ถนนพระราม 6
ตลอดเส้นทางจะมีการโปรยนกหวีดให้กับผู้เดินขบวน และเมื่อขบวนผ่านไปที่ใดก็เชื้อเชิญให้ประชาชนเข้าร่วมตลอดทาง ทั้งนี้ ระหว่างทางมีพนักงานและข้าราชการจากสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ โรงพยาบาลรามาธิบดี สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ฯลฯ ร่วมเป่านกหวีดให้กำลังใจ และบางส่วนก็เข้าร่วมกับเดินไปสู่ปลายทางด้วยกัน
บรรยากาศระหว่างเดินทางมีการสลับสับเปลี่ยนกันปราศรัยจากเหล่าแกนนำม็อบ ส่วนผู้เดินขบวนก็ตะโกน และเป่านกหวีดขับไล่ “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ตลอดเวลา
เวลานั้นยังไม่มีใครรู้ว่า เมื่อไปถึงปลายทาง-สำนักงบฯ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?
เพียงแค่ยื่นนกหวีด ดอกไม้ และธงชาติให้กับข้าราชกาเพื่อชักชวนมาอารยะขัดขืนต่อระบอบทักษิณ แล้วจะเดินทางกลับจริงๆ หรือ หรือจะทำอะไรมากกว่านั้น?
ราว 11 โมงครึ่ง สุเทพพร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง ก็มาถึงสำนักงบฯ โดยภายในสถานที่ราชการแห่งนี้ มีผู้เห็นด้วยกับการโค่นล้มระบอบทักษิณรออยู่แล้ว เมื่อพวกเห็นขบวนที่นำโดยชายวัย 65 จาก จ.สุราษฎร์ธานีเลี้ยวเขามายังบริเวณสำนักงบฯ-ที่อยู่ในอาณาบริเวณของกระทรวงการคลัง ก็ตะโกนโห่ร้องต้อนรับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าของฉายา “เทพเทือก” เดินสำรวจหน้าสำนักงบฯ ก็พบว่าประตูทุกบ้านถูกล็อกอย่างแน่นหนาด้วยโซ่ขนาดใหญ่
เมื่อสอบถามผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านในก็ได้ความว่า มือล็อกเป็นบุรุษในชุดสีกากี หรือที่เรียกว่า “ตำรวจ”
“สมศักดิ์ โกศัยสุข” แกนนำกองทัพประชาชาโค่นล้มระบอบทักษิณ (กปท.) ที่เดินร่วมขบวนมาด้วยก็หาวิธีเปิดประตู ทว่าไม่ว่าจะตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่สำนักงบฯ ให้มาช่วยอย่างไร ก็ไร้การตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น
15 นาทีต่อมา สุเทพจึงขึ้นประกาศบนรถบรรทุกติดเครื่องขยายเสียงเป็นเวทีปราศรัยเคลื่อนที่ว่า...
“ถ้าเขาเปิดประตูให้เราไม่ได้ วันนี้ก็อย่ากลับบ้านกันเลย ถ้าหากว่าคนที่ใส่กุญแจทุกประตูเป็นตำรวจ ฉะนั้นอย่าให้ตำรวจหลุดออกไปได้เป็นอันขาด” ก่อนจะสั่งให้ผู้เดินขบวนทุกคนนั่งพักรับประทานอาหาร
เที่ยงตรง ประตูสำนักงบฯ ก็เปิดออก โดยเมื่อถามไถ่กันพบว่ามี “คนใน” มาช่วยไขกุญแจให้
อย่างไรก็ตาม สุเทพยังสั่งให้ผู้ชุมนุมพักรับประทานอาหารอยู่ด้านนอก โดยเจ้าตัวขอแวะไปทุกธุระที่กระทรวงการต่างประเทศอยู่ครู่ใหญ่
เวลา 13.30 น. เมื่อสุเทพกลับมา ก็ขึ้นปราศรัยเชิญชวนขอให้พี่น้องข้าราชการทั้งหลายตัดสินใจออกมาอยู่ข้างประชาชน อย่าเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณอีกต่อไป
“ต่อไปนี้จะเป็นปฏิบัติการของพลเมืองดี เราจะปฏิวัติโดยประชาชน และเราขอใช้สถานที่นี้ ซึ่งเป็นหัวใจของระบอบทักษิณคือกระทรวงการคลัง และสำนักงบฯ เราจะปฏิบัติการยึดสถานที่ 2 แห่งนี้!
“เราจะยึดด้วยมือเปล่า เราจะไปทุกห้องในสำนักงบประมาณฯ และกระทรวงการคลัง แต่เราจะไม่ขโมยหรือแตะต้องสิ่งของภายในทั้งสิ้น และจะตัดน้ำตัดไฟอีกด้วย”
หลังจากนั้น ผู้ชุมนุมจำนวนมากก็เฮโลเข้าไปภายในสำนักงบฯ และกระทรวงการคลัง
กระทั่งเวลา 14.15 น. ผู้ชุมนุมก็เข้าไปเต็มพื้นที่สถานที่ราชการสำคัญทางระบบงบประมาณของประเทศ 2 แห่งนี้จนเต็มพื้นที่ ขณะที่สุเทพประกาศว่าจะชุมนุมค้างคืนพร้อมตั้งเวทีปราศรัยที่จุดนี้อีก 1 แห่ง
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับการชุมนุมให้เขม็งเกลียวมากขึ้น เพราะหัวค่ำวันเดียวกัน เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ก็ตัดสินใจเข้ายึดกระทรวงต่างประเทศ เพิ่มเติมอีกแห่งหนึ่ง
เวลา 21.35 น.รัฐบาลโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก็ออกทีวีพูลประกาศขยายพื้นที่ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไปใน 4 จังหวัด กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 พร้อมระบุว่าการยึดสถานที่ราชการ “เป็นการชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย”
เพียง 5 ชั่วโมงที่ก้าวเดิน เป็นระยะทาง 6.6 กิโลเมตร จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย-สำนักงบฯ ม็อบราชดำเนินที่นำโดยสุเทพ ก็สามารถสร้างเงื่อนไขที่ทำให้ฝ่ายรัฐต้องยกระดับการป้องกันดูแลมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน ก็ชวนให้ทั้งฝ่ายรัฐ ผู้ชุมนุม หรือบุคคลทั่วๆ ไป ติดตามด้วยใจระทึกยิ่งว่าหมากเกมทางการเมืองนี้ จะสิ้นสุดลงอย่างไร !!!



