สมคิด : ช่องทาง รบ.ไม่รักษาการ และความกระจ่างเรื่องมาตรา 7
"...สมัยปี 2549 (หลังยุบสภา) นายกฯทักษิณก็ลาออก แล้ว พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ ก็ขึ้นมารักษาการนายกฯแทน วิธีปฏิบัติแบบนี้แสดงให้เห็นว่า ครม.ที่ต้องอยู่รักษาการตามมาตรา 181 ก็ไม่ต้องอยู่รักษาการก็ได้..."

ตกเป็นเป้าโจมตีจากฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล เมื่อ “สมคิด เลิศไพฑูรย์” อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.)
ทปอ. มีบทบาทคลี่คลายวิกฤต โดยออกแถลงการณ์ เรียกร้องถึง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ให้รีบผ่าทางตัน ด้วยการยุบสภา และ ให้นายกฯ รวมถึง ครม.ลาออกจากทั้งคณะ เพื่อตั้งรัฐบาลรักษาการจากคนกลางให้เป็นที่เชื่อใจของทุกฝ่ายมาจัดการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรม
ที่มาที่ไปสูตร “รัฐบาลรักษาการ” หากมีการยุบสภาเป็นอย่างไร สมคิดเปิดใจกับ “สำนักข่าวอิศรา” www.isranews.org
@ ข้อเสนอของทปอ.ให้มีรัฐบาลรักษาการเป็นอย่างไร
ทปอ.ออกแถลงการณ์มาแล้ว 4 ฉบับ ฉบับแรกเป็นเรื่องนิรโทษกรรมล้วน ฉบับสองเราเรียกร้องให้ รัฐบาลอย่าใช้ความรุนแรง ฉบับ 3-4 เราพูดเรื่องอยากให้มีการเจรจากัน ก่อนยุบสภา เช่น เรื่องรัฐธรรมนูญที่จะแก้จะเอาอย่างไร ซึ่งเราเห็นว่า ไม่ควรแก้แล้ว และเรายังเรียกร้องให้เขาไปคุยกัน เรื่อง กฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้าน ไปถอนออกมาได้ไหม และเราเห็นว่า การยุบสภาเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะทุกฝ่ายจะได้ให้ประชาชนตัดสินว่า ผู้ชนะคือใคร ซึ่งถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งกลับมา ก็ต้องได้รับการบริหารประเทศ ทปอ.ก็ไปยุ่งไม่ได้
ฉบับ 3 เราคิดตั้งแต่ต้นว่า ควรจะมีรัฐบาลรักษาการ พอมาฉบับ 4 ประกาศเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา เราพูดชัดเรื่อง รัฐบาลรักษาการมากขึ้น เพราะเราเห็นว่า ความขัดแย้งขณะนี้ ถ้าจะให้ทุกฝ่ายลงตัว ก็ต้องใช้สูตรรัฐบาลรักษาการ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ที่ว่า พระมหากษัตริย์มีอำนาจในการยุบสภา มาตรา 180 (2) ก็บอกว่าเมื่อยุบสภาแล้ว รัฐบาลทั้งคณะก็พ้นจากตำแหน่ง มาตรา 181 ระบุว่า รัฐบาลที่พ้นก็ต้องอยู่รักษาการต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ คำบอกว่า “ต้อง” แต่ความจริงไม่ต้องหรอก เพราะสมัยปี 2549 นายกฯทักษิณ (ชินวัตร) ก็ลาออกแล้ว พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ ก็ขึ้นมารักษาการนายกฯแทน
วิธีปฏิบัติแบบนี้แสดงให้เห็นว่า ครม.ที่ต้องอยู่รักษาการตามมาตรา 181 ก็ไม่ต้องอยู่รักษาการก็ได้ ฉะนั้น สูตรที่เป็นไปได้ก็มีหลายสูตร ทปอ.เห็นกันหลากหลาย บางมหาลัยเสนอว่า เป็นไปได้หรือไม่ให้ ครม.ลาออกทุกคน เหลือไว้คนเดียว อาจจะใครก็ได้ที่ภาพดูกลางๆ เช่น คุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา คุณวราเทพ รัตนากร เพื่อให้เป็นนายกฯรักษาการ แต่คนๆ นี้ต้องเป็นคนที่ฝ่ายคุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.) เห็นชอบด้วย แล้วคนๆ นี้ก็ไปตั้ง ครม. 35 คน หรือเอาปลัดกระทรวงมาเป็นรัฐมนตรี ในระหว่างนั้นก็ได้
@ ข้อเสนอมาตรา 7 ที่ กปปส.เสนอ เป็นไปได้หรือไม่ หรือกระทำนอกกรอบรัฐธรรมนูญ
ผมขอย้ำว่า ทปอ.ไม่เคยพูดเรื่อง มาตรา 7 สิ่งที่เราเสนอคือ ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
ประเทศต้องมีนายกฯ ซึ่งมาจากประธานสภาเสนอชื่อไปยังพระมหากษัตริย์เพื่อทรงแต่งตั้ง คนๆ นี้ต้องเป็นคนกลางและตั้งครม.ขึ้น และวิธีนี้ก็ไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญ
ส่วนมาตรา 7 ที่คุณสุเทพเสนออาจเป็นความคิดของอาจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ (อดีตอธิการบดี มธ.) หรืออาจารย์เสรี สุวรรณภานนท์ (อดีต ส.ส.ร.ปี 2550) ซึ่งผมไม่รู้ แต่ส่วนตัวเห็นว่า จะใช้มาตรา 7 ได้ ต้องมีการยุบสภาก่อน และ ครม.ต้องลาออกทั้งคณะ ถ้าเขาไม่ยุบสภา ไม่ลาออกทั้งคณะ ก็ใช้มาตรา 7 ไม่ได้อยู่แล้ว
ความจริง มาตรา 7 เป็นตัวบทในรัฐธรรมนูญ ถ้าใช้มาตรา 7 ก็ไม่ได้ทำนอกรัฐธรรมนูญ เนื่องจากหากมีการยุบสภา ก็จะไม่มี ส.ส. ถ้านายกฯและ ครม.ลาออกตอนนั้นแล้วจะเอาใครมาเป็นนายกฯ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดนายกฯมาจาก ส.ส. โดยสภาพมันเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้น การไปหาคนนอกก็เป็นเรื่องปกติ เพราะประเทศต้องเดินไป
มาตรา 7 เขาต้องการให้มีการอุดช่องว่างทางกฎหมาย ไม่ได้ละเมิดรัฐธรรมนูญเช่น เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันผมพูดแบบไม่ได้แช่ง สมมติ ครม.ทั้งคณะนั่งเครื่องบินแล้วตกทั้งลำ ไม่เหลือใครใน ครม.แล้วจะทำอย่างไร มันก็ต้องใช้มาตรา7 มิฉะนั้นมันก็จะเกิดสุญญากาศหมด หรือถ้า กกต.เสียชีวิตหมด แล้วทำไง รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เขียนไว้ว่า จะทำอย่างไรต่อ มันก็มีมาตรา 7 คนที่ค้านไม่ให้ใช้มาตรา 7 แล้วจะให้ใช้ตอนไหนหล่ะ ถ้าไม่ใช้ตอนที่มันมีปัญหาอย่างนี้ แต่ย้ำอีกที มาตรา 7 จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ ครม.ลาออก ระหว่างยุบสภา
ผมอ่านคนที่เสนอมาตรา 7 เขาไม่ได้บอกให้ในหลวงพระราชทานนายกฯ นะ เขาบอกให้ใช้มาตรา 7 ถ้ามีการยุบสภา และครม.ลาออกเมื่อถึงตอนนั้นประธานวุฒิสภาก็ต้องทำหน้าที่คล้ายๆ ประธานรัฐสภา เสนอชื่อนายกฯคนใหม่ ไปยังพระมหากษัตริย์เพื่อทรงแต่งตั้ง เหมือนกับกรณีของอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ก็ชัดว่าประธานสภาเป็นคนเสนอชื่อเพื่อให้มีคนรับสนองพระบรมราชโองการ
ดังนั้น ถ้าจะทำกันจริงๆเพื่อคลี่คลายวิกฤตประเทศ ก็ต้องไปตกลงกันว่าจะเอาไหม แล้วเดี๋ยวนักกฎหมายก็ทำให้ เพราะมันมีช่องทางหลายวิธีที่จะทำได้โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทปอ.ก็บอกชัดว่า เราจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เราจะไม่ล้มรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญ 50 ที่บอกแย่ๆ วันนี้มีคนปกป้องหมด
@ มองสภาประชาชนของคุณสุเทพ ทำได้หรือไม หรือเป็นวิธีการนอกรัฐธรรมนูญ
ผมไม่แน่ใจว่าสภาประชาชนหมายความว่าอย่างไร แล้ววันนี้คนก็สงสัยว่าจะประกอบด้วยใครบ้าง และจะมาได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 50 สภาประชาชนก็คือสภาที่ประกอบด้วยประชาชนหลากหลายอาชีพ และก็ทำได้ตามกฎหมาย เช่น กรณีที่นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ลาออกเลย ก็สามารถตั้งสภาประชาชนได้ ด้วยการออกพระราชกำหนด มีองค์ประกอบ เช่น สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม ตัวแทนภาคเกษตร เป็นต้น และก็มาเขียนหน้าที่ให้ชัด หรืออีกแนวทางถ้ามีการยุบสภา แล้วมีรัฐบาลรักษาการ ก็ยังตั้งสภาประชาชนได้ โดยออกเป็นระเบียบสำนักนายกฯ
ฉะนั้น สภาประชาชน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ว่าจะตั้งได้หรือไม่ แต่ต้องดูเรื่ององค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่เขา จะทำอะไร และถ้าสภาผู้แทนราษฎรยังอยู่ สภาประชาชนก็ไม่มีอำนาจนิติบัญญัติแบบที่สภาทำ หรือถ้า ครม.รักษาการ สภาประชาชนก็จะมีอำนาจแบบสภานิติบัญญัติไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เปิดช่องให้ทำแบบนั้น นี่ผมพูดบนครรลองปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
@ รัฐบาลนี้เป็นโมฆะหรือไม่ ที่ปฏิเสธศาลรัฐธรรมนูญ
ผมไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลปฏิเสธศาลรัฐธรรมนูญ และเราก็พูดตลอดว่า ไม่ว่ารัฐบาลหรือนักวิชาการที่ไปสอนกฎหมายกับคนทั่วไป อันนี้คือความล้มเหลวในทางกฎหมาย แต่ความล้มเหลวขนาดนี้ก็ยังไม่ถึงขั้นหมดความเป็นรัฐบาล แม้แต่คุณสุเทพ ผมก็มองว่าคุณสุเทพไม่ได้มองเฉพาะประเด็นไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่มองเรื่องอื่นด้วย เช่น ทำไมรัฐบาลทำเรื่องจำนำข้าว กู้เงิน 2 ล้านล้าน คือเอาเรื่องทั้งหลายมารวมกันแล้วเห็นว่า รัฐบาลล้มเหลว ไม่ได้เป็นรัฐบาลของประชาชนอีกต่อไปผมอยากใช้คำของท่านนายกฯอานันท์ (ปันยารชุน) ที่ว่าคุณยิ่งลักษณ์มีความชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่มีความชอบธรรม
ผมก็คิดว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วย และคุณสุเทพก็คิดเหมือนกัน ในเชิงกฎหมายเขายังเป็นรัฐบาลอยู่ วันที่ 5 ธ.ค. เขายังเป็นประธานเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ตำรวจก็ยังรับคำสั่งอยู่ แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถคุมอำนาจรัฐได้ทั้งหมด รัฐบาลคุมทหารไม่ได้ คุมข้าราชการมหาดไทย คุมนักวิชาการ คุมหมอบางส่วนไม่ได้ กล่าวคือ อำนาจรัฐมันแชร์ๆ กันอยู่
@ รัฐบาลยื้อเวลาไหม ขอเวลา 3 เดือนรวบรวมความเห็น
คนเป็น ครม.ก็อยากอยู่ต่อ เขาก็ต้องทำทุกวิธีให้อยู่ได้นานที่สุด
@ ห่วงจะเกิดความรุนแรงอีกครั้งแค่ไหน
ห่วง.. ผมคิดว่า การสู้กันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เป็นการสู้บนพื้นฐานที่พอรับได้ ฝ่ายประท้วงก็ประท้วงด้วยความสงบ ไปปิดล้อม ฝ่ายรัฐบาลก็พยายามจากน้อยไปหามาก ผมคิดว่าถ้าไม่เอากรณีรามคำแหงมาใช้ การต่อสู้ก็อยู่ในระดับที่พอรับได้ ไม่ถึงขนาดที่เป็นเรื่องร้ายแรง ที่เราห่วง คือการใช้กระสุนจริงไปยิงประชาชน
กรณีรามคำแหง มีคนตาย มีคนบาดเจ็บจำนวนมาก ที่สำคัญเหมือนเราไม่อยู่ในการปกครองแบบนิติรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ เรายอมไม่ได้หรอกในสถานที่ที่มีการปิดล้อมแล้วยิงปืนเข้าไปโดนใคร เพื่อไม่ให้คนกลุ่มนั้น ออกจากสถานศึกษา ที่สำคัญ ผมมองว่าแม้รามคำแหงอาจมีการกระทบกันสองฝ่าย แล้วก็ลามจนมีการตีกัน แต่ที่สุดมันต้องมีขอบเขตจำกัด ไม่ใช่อีกฝ่ายยอม แล้วอีกฝ่ายก็รุมทำร้าย
คนประท้วงไม่มีอาวุธแน่นอน ผมเห็นอย่างนั้นนะ หรืออาจจะมีบ้างก็ไม่ทราบ ความรุนแรงอาจจะเกิดจากฝั่งรัฐบาลซึ่งเราถึงเรียกร้องให้รัฐบาลหาวิธีแก้ปัญหา และวิธีที่ดี ไม่ใช่การไปปราบเขาด้วยแก๊สน้ำตา หรือ กระสุนยาง เราถึงอยากให้รัฐบาลยุบสภา แน่นอนรัฐบาลยืนยันว่า ฉันมาจากประชาชน
ในส่วนของการชุมนุมประท้วงของคุณสุเทพ มีเหตุผลที่รองรับได้พอสมควร เราจึงเห็นวันที่ 24 พ.ย. คนมามืดฟ้ามัวดิน และตั้งแต่ผมอยู่ในการศึกษาตั้งแต่เกิดมา ครั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2475 นี่เป็นการชุมนุมใหญ่ที่สุดของประชาชนในประเทศไทยมากกว่า 14 ตุลา และ อันนี้เป็นจุดชี้ขาดว่า รัฐบาลขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศในสายตาของหลายคน ถ้ารัฐบาลขาดความชอบธรรมมันก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งเราไม่ได้บอกนะว่า รัฐบาลไม่มีความชอบด้วยกฎหมาย เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง คุมเสียงข้างมากในสภา แต่ว่า ถ้ามีคนค้านขนาดนี้ รัฐบาลอยู่ต่อลำบาก
ที่คนห่วงขณะนี้คือ 1.จะเกิดการนองเลือด 2.กลัวทหารมาทำรัฐประหาร ทั้งสองเป็นวิธีนอกกฎหมาย แต่เราเสนอในกฎหมาย คือให้ยุบสภา และสิ่งที่ผมเรียกร้อง ท่านนายกฯก็เห็นด้วย โดยออกมาพูดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ว่า พร้อมรับข้อเสนอทุกอย่าง จะยุบสภาหรือลาออก ยินดีที่จะทำให้ประเทศกลับสู่ความสงบสุข
@ ถ้ายุบสภา แล้วไม่ทำอะไร จะเกิดปัญหาอะไรไหม การเผชิญหน้าในการหาเสียงจะหนักหน่วงแค่ไหน
ผมคิดว่า วันนี้สายเกินไปหน่อยที่จะยุบสภา เพราะคุณสุเทพก็มองว่า มีมวลชนมาสนับสนุนเยอะมาก แต่ผมก็คิดว่าการยุบสภายังเป็นทางออกที่ดีกว่า ไม่ได้ทำอะไรเลย ที่ผมห่วง คือรัฐบาลมีท่าที่ไม่ต้องการยุบสภา ซึ่งรังจะทำให่สถานการณ์ของประเทศรุนแรงขึ้น
ผมดูว่า ม็อบของคุณสุเทพ อยู่ได้ไม่นานหรอก เพราะเป็นม็อบของคนเมือง ไม่ใช่ม็อบของชาวนาชาวไร่ที่เดือดร้อนแท้ๆ แต่นี่เดือดร้อนทางการเมือง เดือดร้อนในทางใจ ฉะนั้น เขาจึงมาเช้าเย็นกลับเขาจึงอยู่ได้ไม่นาน คุณสุเทพจึงรู้ว่า จะต้องรีบให้รัฐบาลพ้นจากตำแหน่ง ฉะนั้น โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะปะทะกันก็มีสูง เราจึงอยากให้เขาลาออกและไปเลือกตั้งใหม่เพื่อช่วยประเทศ
@ มีคำถามจากอีกฝ่าย ว่า ทปอ.เข้าข้างม็อบ
มีคนบอกว่า ทปอ.เข้าข้าง คุณสุเทพ..... เปล่าเลย เราไม่ได้คิดอย่างนั้น ถามว่าวันนี้ถ้ายุบสภา ใครจะชนะเลือกตั้ง คนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะ เราถึงถามไงว่า เมื่อคุณรู้ว่าจะชนะเลือกตั้งอยู่แล้ว และจะอยู่ไปทำไมตอนนี้เพื่อให้สถานการณ์มันเลวร้ายยิ่งขึ้น เพราะผมเชื่อว่า ยิ่งสถานการณ์ยืดเยื้อไป จะยิ่งมีคนตายเป็นร้อยคน และพรรคเพื่อไทยก็จะแพ้เลือกตั้งแน่นอนในเขตเมืองทั้งหลาย ซึ่งวันนี้ผมก็เชื่อว่า เขาแพ้ในกรุงเทพ ทปอ.จึงส่งสัญญาณออกแถลงการณ์ให้รัฐบาลยุบสภาเรายืนบนจุดที่ต้องการให้ประเทศสงบสุข
@ บทเรียน 2 ปีของรัฐบาลเพื่อไทยจนเกิดชุมนุมใหญ่โตมาจากอะไร
ตอนที่ผมร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และต่อมาพรรคเพื่อไทยขึ้นครองอำนาจ ผมเคยบอกไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วถึงสิ่งที่รัฐบาลไม่ควรทำ คือ 1.ไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญ 2.ไม่ควรช่วยนายกฯทักษิณกลับมา 3.เรื่องทุจริตคอรัปชั่นทั้งหลายซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ทำสามเรื่องนี้ รัฐบาลก็อยู่ไปได้ครบ 4 ปีด้วย แม้คนจะไม่ชอบนายกฯปูก็ตาม
ถ้าถามผมว่า ทำไมคนกรุงเทพ คนปริมณฑลถึงออกมาชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. มหาศาล เพราะคนกรุงเทพ มีความรู้สึกต่อรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่ความสามารถในการบริหารประเทศ การทุจริตคอรัปชั่นความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้คนรู้สึกว่า จะกลับไปเหมือนปี2549 คือต้องการรวบอำนาจทั้งหลายให้อยู่ในมือคุณ วันนี้คุณกุมอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารแล้ว ที่คุณจะแก้ที่มา ส.ว. เพราะคุณอยากจะกุมอำนาจตุลาการกับองค์กรอิสระหรือไม่ เพราะวุฒิสภาคือ องค์กรที่แต่งตั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญคนก็เลยมองอย่างนี้ ซึ่งอำนาจรัฐทั้งหมดไม่ควรถูกควบคุมโดยคนๆ เดียว มองเตสกิเออ พูดไว้ตั้งหลายร้อยปีแล้ว ดังนั้น ต้องให้อำนาจทั้งสามคานกัน
วันนี้พรรคเพื่อไทยคุมสภาผู้แทนราษฎร คุมวุฒิสภา คุมรัฐบาล ศาลยังจัดการไม่ได้เหมือนตอนปี 2549 ส่วนองค์กรอิสระก็เริ่มคุมแล้วบางส่วนพอรัฐบาลต้องการแตะเรื่องเหล่านี้คนที่มีการศึกษาในเมืองในชนบททั้งหลาย ก็รู้สึกว่า รัฐบาลนี้ต้องการเผด็จอำนาจ กินรวบเข้าไปอยู่ที่ตัวเอง
@ รัฐบาลอ้างมาจากการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลที่ถูกกฎหมายและตามหลักประชาธิปไตย ดังนั้น ไม่ควรมาชุมนุมคัดค้าน
ถูก ไม่มีใครโต้แย้ง ....แต่ผมเรียนว่า ถ้าคุณมีเสียงข้างมาก ทำไมคุณถอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คุณก็ยืนยันไปก็ได้ คุณเองก็มีเสียงข้างมาก แต่เหตุที่รัฐบาลถอย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะรัฐบาลนี้ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับประชาชน
ประชาธิปไตยจึงไม่ได้หมายถึงการมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น แน่นอนคุณเป็นประชาธิปไตยตอนเลือกตั้ง แต่เมื่อคุณมาจากการเลือกตั้งแล้ว คุณต้องดำเนินการตามวิถีทางประชาธิปไตยด้วย นั่นคือ ทำเพื่อประชาชน ไม่ทุจริตและต้องมีการคานอำนาจกันตามที่มองเตสกิเออพูด ต้องเคารพเสียงข้างน้อย ดังนั้น ที่คนโต้แย้งคือ คุณไม่ทำตัวเป็นประชาธิปไตย ถ้าคุณทำทั้งสองอย่างพร้อมกันก็ไม่มีใครมาไล่ได้ แต่ต่อให้ไล่ได้ก็ไม่มีเหตุผลของการไล่ความจริงแล้ว ผมไม่เชื่อว่า จะมีคนมาไล่มากขนาดนี้
วันที่ 24 พ.ย. คนที่ออกมา ไม่ใช่ว่า เขาเห็นด้วยกับคุณสุเทพนะ หรือล้มรัฐบาลปูแล้วเอาอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ คนที่มาวันที่ 24 พ.ย.เขาก็ไม่เอานะ แต่ที่ออกมามากเขาไม่เอานายกฯปู ไม่เอายิ่งลักษณ์ ไม่เอารัฐบาลนี้ เพราะเขารู้สึกว่า รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งก็จริง แต่ก็ต้องดำเนินการตามวิถีทางประชาธิปไตยด้วยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้าไม่ดำเนินการตามวิถีทางประชาธิปไตย ก็ไม่ควรอยู่ต่อไป และผมก็เชื่อว่า จำนวนมากเขาก็ไม่เอาประชาธิปัตย์
@ นายกฯยิ่งลักษณ์ หมดความชอบธรรมหรือยัง
มีคนแย้งว่า ถ้าหมดความชอบธรรมแล้ว ทำไมไม่ดำเนินการตามวิถีทางปกติ สำหรับคนที่ประท้วงอยู่บนถนน ผมตอบให้แทนคือ ระบบปกติมันทำไม่ได้ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเสร็จ ก็อยู่ต่อ ระบบจรรยาบรรณ วินัย วันนี้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่มีใครรับผิดชอบสักคน ไม่มีใครขอโทษ ลาออก ระบบถอดถอน ก็ไม่เวิร์ค ประธานวุฒิสภาก็ยังไม่ส่งคำร้องถอดถอน ส.ส. ส.ว. ไปยัง ป.ป.ช. พฤติกรรมแบบนี้ คนเลยรู้สึกว่า มันไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย
ผมย้ำอีกที ไม่มีใครจงเกลียดจงชังรัฐบาลนี้ ถ้ารัฐบาลไม่ไปแตะเรื่องสำคัญๆ แต่พอไปแตะเรื่องสำคัญเหล่านี้ แทนที่เขาเช็คบิลเรื่องนิรโทษกรรม เขาก็ไปเช็คบิลย้อนหลังหมดเลย ตั้งแต่เรื่อง กู้เงิน 2 ล้านล้าน เรื่องจำนำข้าว
@ ทปอ.เป็นเอกภาพไหม
เป็นเอกภาพพอสมควร มหาวิทยาลัยที่เอาตามมีเกือบหมด ตอนที่เราออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรื่องคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีเพียงสองมหาลัยเท่านั้นที่ไม่ร่วมลงนามด้วย คือลาดกระบังกับพระนครเหนือ แต่ก็ไม่คัดค้าน ส่วนฉบับ 2-3-4 ที่พูดเรื่องการเมืองทุกคนเอาตามหมดผมบอกได้เลยนะว่า ผมนี่อ่อนมาก คนที่แข็งใน ทปอ.มีมากกว่าผม ข้อเสนอนายกฯ คนกลาง ไม่ใช่ผมเสนอ แต่มีอธิการบดีคนอื่นเสนอ แต่ผมในฐานะประธาน ทปอ.ก็ต้องปฏิบัติตามมติเสียงส่วนใหญ่ ที่เขาอยากให้เขียนเรื่องนี้ลงไปในแถลงการณ์
@ ความขัดแย้งใน มธ.เป็นอย่างไร
ในธรรมศาสตร์ถือว่าเป็นเอกภาพมากตอนที่เราประท้วง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้งคณบดี รองอธิการบดี นายกองค์การนักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์ สภานักศึกษาธรรมศาสตร์ ประธานสภา ทั้งหลายออกมาหมด แต่แน่นอน ไม่มีทางหรอกที่ทุกคนจะเห็นตรงกับผมหมด
ผมยกตัวอย่าง วันนี้มีนักกฎหมายอย่างกลุ่มนิติราษฎร์ คนในธรรมศาสตร์บางส่วน มาว่าผมเรื่องออกแถลงการณ์ ทปอ. ว่าเอียนเอียงเข้าข้างคุณสุเทพ แต่ก็เป็นเรื่องปกติ และก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ผมตัดสินใจถูกอย่างเรื่องประกาศหยุดเรียน 4 วัน แต่ที่สุดก็สะท้อนว่า ผมตัดสินใจถูกต้องเพราะยึดเอาความปลอดภัยของนักศึกษาเป็นตัวตั้ง
มีคนบอกว่า ท่านอธิการบดีธรรมศาสตร์ ท่านนำ ทปอ.ค้านรัฐบาล อีกหน่อยเดี๋ยวเด็กและอาจารย์ธรรมศาสตร์ก็จะมาค้านอธิการบดี ผมก็บอกค้านได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่มีเหตุผลของการค้านไหม แล้วไประดมคนมาค้านผมเหมือนวันที่ 24 พ.ย.ได้ไหม ซึ่งถ้าไม่มีเหตุผลก็คนก็คงไม่ออก
@ ฝ่ายเสื้อแดงข้องใจบอกว่า ทำไมทปอ.มีบทบาทเชิงรุกในการแก้วิกฤตการเมือง
ก็ทุกคนพูดว่า มหาลัยต้องชี้นำสังคม แล้วทำไมพอ ทปอ.ชี้นำสังคม แล้วมาบอกไม่ดี แต่ถ้าอยากวิจารณ์ว่า สิ่งที่เราชี้นำสังคมแล้วไม่ดีอย่างไร ก็ว่ามา แต่อย่าบอกว่าทำไมออกมาบ่อย ผมว่า ออกมาบ่อยดี ซึ่งที่ผ่านมาเรายังไม่บ่อย มีคนเสนอให้ออกมาบ่อยกว่านี้ แต่ผมดึงบังเหียนว่า ไม่ควรบ่อย จะออกมาก็ต่อเมื่อมีคนฟังเรา ซึ่งวันนี้ ก็มีคนฟังเรา ทำให้มีคนออกมาค้าน ทปอ.เยอะ เนื่องจากข้อเสนอของเราได้ผล เราเสนอให้ยุบสภา ให้นายกฯลาออก ซึ่งนายกฯยิ่งลักษณ์ เห็นด้วย แต่ท่านจาตุรนต์ (ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ) กลุ่มอาจารย์ 135 คน ก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งถ้าค้านผม ก็ไปค้านนายกฯปูด้วยนะ เพราะท่านบอกว่า ยินดีเสียสละเพื่อประเทศชาติ ซึ่งก็เป็นข้อเสนอที่ตรงกัน
@ ถ้ายุบสภาแล้วเลือกตั้ง ความขัดแย้งจะมีอยู่อีกแค่ไหนด้วยเงื่อนไขอะไร
ความขัดแย้งคงมีอยู่ตลอด เพราะรัฐบาลเองก็มี กลุ่มเสื้อแดงที่คอยสนับสนุนเขาอยู่
ฉะนั้นเลือกตั้งใหม่ ฝ่ายไหนที่ขึ้นมาก็จะเผชิญปัญหาทั้งคู่ แต่เรียนว่า ข้อเสนอของ ทปอ.และอีกหลายคนไม่ใช่แค่การยุบสภาเฉยๆ ทุกคนพูดตรงกันหมดว่า ต้องปฏิรูปประเทศด้วย และ ทปอ.ก็กำลังเตรียมการข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปเหล่านี้ เราตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ เราอยากเสนอ เช่น การปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูประบบภาษี ปฏิรูปการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติของชาวบ้าน เราคงไม่เริ่มต้นคิดใหม่หรอก แต่จะหยิบเอาข้อเสนอที่มีอยู่ เช่น ของท่านนายกฯอานันท์ หมอประเวศ กลุ่มอาจารย์คณิต ณ นคร สถาบันพระปกเกล้า แล้วมาดูว่าจะทำอย่างไร
@ มีอะไรฝากไปเป็นบทเรียนอีกครั้ง
เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา หรือ 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ ขึ้นในประเทศไทยอีก เราอยากให้ประเทศมีความสงบแล้วอยู่กันได้ ความขัดแย้งคงมีอยู่ ไม่ได้หายไปจากประเทศไทยหรอก มันต้องใช้เวลาพูดจากัน สิ่งที่เราเรียกร้อง คือ อย่าใช้ความรุนแรง อย่ารัฐประหาร ล้มรัฐธรรมนูญ และพยายามใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้นานที่สุด อะไรที่สามารถปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญได้ก็ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ ต้องผ่อนหนักผ่อนเบา อย่าคิดเรื่องตัวเองมาก อย่าคิดว่า ตัวเองมาจากประชาชนต้องคิดว่าถ้าอยากให้ประเทศได้รับความสงบสุข เราจะทำอย่างไรถ้าคิดแบบนี้ มันก็พอไปได้
ภาพประกอบ - สมคิด เลิศไพฑูรย์ จากเว็บไซต์ www.bangkokbiznews.com
