นายกฯ แจงไทยประกาศถอนตัวสมาชิกมรดกโลก
อภิสิทธิ์ ขอบคุณผู้แทนหลายประเทศ และ ผอ.ยูเนสโก ที่พยายามหาทางประนีประนอมให้ร่างข้อมติเป็นที่ยอมรับได้ก่อนที่จะนำเสนอต่อที่ประชุม
วันที่ 26 มิถุนายน เวลา 14.30 น. ณ ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังได้แถลงข่าวกรณีที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย ประกาศถอนตัวประเทศไทยออกจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญามรดกโลก หลังจากที่ไปเจรจากับที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ ประเทศฝรั่งเศส ให้เลื่อนวาระการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารออกไปไม่สำเร็จว่า การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ซึ่งนายสุวิทย์ คุณกิตติ เดินออกจากที่ประชุมและแสดงเจตนาการถอนตัวออกจากการเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลก การดำเนินการทั้งหมดอยู่ในกรอบมติคณะรัฐมนตรีและผ่านการปรึกษาหารือ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้คุยกับนายสุวิทย์ ทางโทรศัพท์หลายครั้งและประสานกับนายกษิต ภิรมย์ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สาเหตุหลักนั้นประเทศไทยแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ที่ประชุมพิจารณาแผนบริหารจัดการที่กัมพูชาจะเสนอกับที่ประชุมและในช่วงที่มีการประสานกับ ผอ.ยูเนสโกและผู้แทนพิเศษฯ นั้น มีการยืนยันกับประเทศไทยมาตลอดว่า จะไม่มีการพิจารณาแผนดังกล่าว จนกระทั่งในช่วงของการประชุมหลายวันที่ผ่านมา ร่างข้อมติชัดเจนว่าที่ประชุมตัดสินใจเลื่อนการพิจารณาแผนดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ก่อนที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมมีการนำเสนอร่างข้อมติเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ซึ่งกัมพูชาเสนอขึ้น แม้จะไม่ได้พูดแผนบริหารจัดการพื้นที่ชัดเจน แต่มีความกำกวม โดยได้ปรึกษาแล้วเห็นว่ายอมรับไม่ได้ ที่ประชุมต้องการนำร่างมติสองฝ่ายไปพิจารณาในที่ประชุม ฝ่ายไทยเห็นว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเพราะมีการพูดกันมาตลอดว่า ต้องไม่มีการตัดสินใจในเรื่องนี้ ต้องมีความชัดเจนว่าต้องเลื่อนออกไปและระบุไว้ในข้อบังคับการประชุม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้แทนหลายประเทศ และผอ.ยูเนสโก ที่พยายามหาทางประนีประนอมให้ร่างข้อมติเป็นที่ยอมรับได้ก่อนที่จะนำเสนอต่อที่ประชุม เช่น ประเทศออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส บราซิล และประเทศอียิปต์ ที่พยายามประนีประนอม และผู้แทนจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นั้น เมื่อวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุมได้บอกไปว่าอยากให้วาระนี้มีการประนีประนอมและแจ้งไปว่า กำลังรอคุยโทรศัพท์กับ ผอ.ยูเนสโก แต่ปรากฏว่าที่ประชุมตัดสินใจเดินหน้าต่อไป เพราะฉะนั้นนายสุวิทย์ฯ จึงตัดสินใจแถลงเจตนาเดินออกจากที่ประชุมและถอนตัวออกการเป็นภาคีฯ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อนายสุวิทย์ฯ เดินออกจากที่ประชุม ที่ประชุมได้มีมติตัดข้อความที่กัมพูชาเสนอในย่อหน้าที่เป็นปัญหา ฉะนั้นในชั้นนี้ยังไม่มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาแต่ประการใด การดำเนินการต่อไปจะเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ที่จะดำเนินการถอนตัวจากกรรมการมรดกโลก แต่ระหว่างนี้ยูเนสโกสามารถปรึกษาหารือกับประเทศไทยได้เกี่ยวกับการดำเนินการต่อไป โดยประเทศไทยจะยืนยันว่าหากจะฟื้นฟูบูรณะใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับดินแดนของประเทศไทย ต้องได้รับความยินยอมจากประเทศไทยและประเทศไทยยืนยันเสมอว่ากัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาททั้งหมด มิฉะนั้นจะถือว่าขัดต่อสนธิสัญญาและเจตนารมณ์ของกรรมการมรดกโลกด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การถอนตัวครั้งนี้ ซึ่งถือว่าได้ทำความเข้าใจกับต่างประเทศได้มาก และเชื่อว่าต่างประเทศจะเห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องเดินออกจากที่ประชุมเพราะที่ผ่านมาการทำงานกับยูเนสโกมีการมีการทำความเข้าใจล่วงหน้าชัดเจน ไม่มีการโอนอ่อนผ่อนปรนตามแนวทางซึ่งเสนอให้ประนีประนอมเลย แม้ว่าประเทศไทยจะเดินออกแล้วจะไม่มีการพิจารณาแผนก็ตามแต่ขั้นตอนต่อไปกระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณารายละเอียดและรัฐบาลใหม่จะเดินหน้าต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตนั้นแนวทางต่อสู้จะยากขึ้นหรือไม่หลังจากประเทศไทยถอนตัว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยูเนสโกและกัมพูชาต้องไปทบทวนว่าจะดำเนินการต่อในกรอบของตัวเองอย่างไร การปรึกษากับไทยในชั้นนี้นั้นยังทำได้เพราะกระบวนการถอนตัวอย่างเป็นทางการต้องใช้เวลาพอสมควรตามกฎกติกา
เมื่อถามว่า ผลกระทบตามแนวชายแดนไทยกับกัมพูชา จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนที่นายสุวิทย์ฯ จะเดินออกจากห้องประชุม ได้คุยกับผบ.ทบ.และรมว.กลาโหมให้เฝ้าระวัง มีรายงานว่าตอนนี้มีความเคลื่อนไหวของกัมพูชาระยะหนึ่งแล้ว และได้แจ้งให้นายสุวิทย์ฯ ให้พยายามสื่อสารด้วยว่าจะเห็นว่าความตึงเครียดมีมากและดูเหมือนว่ากัมพูชาอยากให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะช่วงกลางคืนเมื่อวานนี้มีการประสานงานตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีปัจจัยใดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะก่อนหน้านี้ นายกฯมั่นใจว่าจะเป็นผลดีกับไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีร่างข้อมติที่เป็นทางเลือก ซึ่งกัมพูชาเสนอเข้ามาในช่วงท้ายและไม่ได้พูดถึงแผนบริหารจัดการก็จริงแต่ทำให้เกิดความกำกวมขึ้นและเป็นตัวปัญหา จึงพยายามบอกว่าไม่มีผลกระทบ แต่ไทยบอกว่าไม่ควรจะเสี่ยงเพราะสิ่งที่จะพูดถึงคือเรื่องอธิปไตย ฉะนั้นก็คุยกันว่าไม่ควรเสี่ยง หากจะมีความเป็นไปได้ที่จะใส่ข้อความเหล่านั้นในมติ ประเทศไทยไม่ควรมีส่วนรวมในการพิจารณา คุยกับนายสุวิทย์ฯ แล้วเห็นตรงกัน ย้ำว่าการดำเนินการทั้งหมดอยู่ในกรอบมติคณะรัฐมนตรีและหารือแล้วก่อนที่นายสุวิทย์ฯ จะเดินทางไป ฉะนั้นเป็นมติที่มีการรองรับการกระทำเรียบร้อย ขอบคุณนายสุวิทย์ฯ ที่ทำงานหนักมาก ซึ่งทั้งหมดนั้นยืนยันว่าไม่สูญเปล่าแน่นอน มิตรประเทศ คือห้าประเทศข้างต้นช่วยประเทศไทยจริงจังและน่าจะเข้าใจจุดยืนของประเทศไทยมากขึ้น
