สุวิทย์แจงเหตุปกป้องอธิปไตย
“สุวิทย์” ย้ำเหตุลาออกจากภาคีมรดกโลกเพราะไม่มั่นใจคณะกรรมการฯ จะดึงดันผ่านมติตามข้อเสนอกัมพูชาหรือไม่ ชี้ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไม่เช่นนั้นสูญเสียอธิปไตย “มาร์ค” ช่วยหนุนทำตามกรอบมติ ครม. “ปลอด-นพดล” อัดทำเสียหาย “ยิ่งลักษณ์” เผยแผนหลังเป็นนายกฯ ต่อสายฮุน เซนแน่ “พธม.” ชื่นชมเตรียมเลิกม็อบ 1 ก.ค. ชายแดนไทย-เขมรตึงเครียด
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมย ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจากรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย ให้สัมภาษณ์ย้ำถึงการถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาการคุ้มครองมรดก โลกว่า ร่างมติกลางที่ศูนย์มรดกโลกนำเข้าสู่การพิจารณามีการตัดเรื่องแผนบริหาร จัดการรอบพื้นที่ปราสาทพระวิหารในข้อ 6 ซึ่งยังไม่มีข้อยุติออกไป ซึ่งหากพิจารณาร่างนี้ก็เท่ากับไทยยอมรับแผนของกัมพูชา เท่ากับมีการรุกล้ำอธิปไตยไทยชัดเจน แม้ไทยพยายามขอให้เลื่อนวาระออกไป แต่คณะกรรมการศูนย์มรดกโลกไม่ยอม และพยายามผลักดันเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่โดยไม่พิจารณาความอ่อนไหว เรื่องเขตแดน มุ่งแต่ดูแลรักษาเรื่องวัฒนธรรม
“แสดงให้เห็นเจตนาไม่ดี ทำให้เราเป็นห่วงปัญหาตามมา เพราะไม่รู้ว่ามติคณะกรรมการมรดกโลกจะออกมาอย่างไร จึงได้ถอนตัวออกมาก่อน เพื่อไม่ให้มติที่ประชุมมีผลผูกพันต่อไทย ซึ่งการที่เราวอล์กเอาต์หมายถึง การไม่ยอมรับการดำเนินการใดๆ ของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งคณะทำงานได้หารือกันอย่างรอบคอบแล้วจึงตัดสินใจถอนตัวออกมา และได้บอกยูเนสโกด้วยว่า การกระทำใดๆ ในตัวปราสาทเป็นเรื่องของกัมพูชา หากกัมพูชาจะขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียว ก็ทำได้เฉพาะภายในดินแดนกัมพูชา จะมาล่วงล้ำอธิปไตยไทยไม่ได้” นายสุวิทย์ระบุ
นายสุวิทย์ ยืนยันว่า การถอนตัวไม่มีข้อเสีย มีแต่ข้อดี เพราะทำให้ไทยไม่ต้องผูกพันกับข้อมติมรดกโลก และไม่ถูกกัมพูชาหยิบยกเป็นข้ออ้างสู้คดีในศาลโลกได้ ถือว่าการปฏิบัติหน้าที่ไม่ล้มเหลว เราได้ปกป้องอธิปไตยประเทศเต็มที่ และการถอนตัวก็ไม่มีผลต่อมรดกโลกของไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง หรืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะมีผลกับสิ่งที่ขอขึ้นทะเบียนใหม่เท่านั้น
นายสุวิทย์ ยังเล่าว่า นางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ได้โทรศัพท์แสดงความเสียใจหลังจากถอนตัว ซึ่งได้ตอบไปว่าเสียใจมากกว่าที่คณะกรรมการมรดกโลกไม่ได้ปฏิบัติตามบท บัญญัติที่ได้กำหนดขึ้นเอง ทำให้ไทยยอมรับไม่ได้
ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ เข้าพบที่ห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นเวลา 10 นาที ก่อนนายอภิสิทธิ์จะแถลงเรื่องนี้ว่า การถอนตัวจากภาคีมรดกโลกอยู่ในกรอบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และได้ผ่านการปรึกษาหารือ โดยได้คุยกับนายสุวิทย์ทางโทรศัพท์หลายครั้ง และประสานกับนายกษิตเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.แล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงสาเหตุหลักที่ต้องถอนตัวว่า เพื่อแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไทยไม่ต้องการให้ที่ประชุมพิจารณาแผนบริหารจัดการ ที่กัมพูชาจะเสนอ โดยที่ผ่านมานางอิรินาได้ยืนยันกับไทยมาตลอดว่าจะไม่มีการพิจารณาแผนดัง กล่าว ซึ่งต้องขอบคุณผู้แทนหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส บราซิล และอียิปต์ ที่พยายามประนีประนอม แต่ที่ประชุมตัดสินใจเดินหน้าต่อไป นายสุวิทย์จึงตัดสินใจเดินออกจากที่ประชุมและถอนตัวออกจากการเป็นภาคี ซึ่งที่ประชุมมีมติตัดข้อความที่กัมพูชาเสนอในย่อหน้าที่เป็นปัญหา ฉะนั้นในชั้นนี้ยังไม่มีการพิจารณาแผนบริหารพื้นที่ของกัมพูชาแต่ประการใด
“การดำเนินการต่อไปจะเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ที่จะถอนตัวจากกรรมการมรดกโลก แต่ระหว่างนี้ยูเนสโกสามารถปรึกษาหารือกับไทยได้เกี่ยวกับการดำเนินการต่อไป โดยไทยยืนยันว่าหากจะฟื้นฟูบูรณะใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับดินแดนไทย ต้องได้รับความยินยอมจากไทย และยืนยันเสมอว่ากัมพูชาต้องถอนทหารออกจากปราสาททั้งหมด มิฉะนั้นจะถือว่าขัดต่อสนธิสัญญาและเจตนารมณ์ของกรรมการมรดกโลกด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
การถอนตัวจากภาคีได้ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ในหลาย ส่วน ซึ่งส่วนใหญ่เห็นดีด้วย มีเพียงพรรคเพื่อไทยที่ตั้งข้อสังเกตอย่างมาก โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มรดกโลกเป็นเรื่องต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว จุดยืนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อาจกระทบกับมรดกโลกอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลเสียหายให้ไทยในอนาคตได้
“จุดยืนของเรื่องนี้ต้องเจรจาคู่ ขนานกับตัวแทนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และสิ่งสำคัญต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก หากทำตรงนี้ได้ ก็จะส่งผลดีกับประเทศในที่สุด” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวตอบกรณีพรรคได้เป็นรัฐบาลจะจัดการอย่างไร
ในขณะ ที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายและอดีต รมว.การต่างประเทศของพรรคได้หารือกันเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ประชาชนต้อง รู้ความจริง เพราะเกี่ยวกับสถานะของไทยในเวทีโลก และขอถามไปยังนายสุวิทย์ว่า 1.นายอภิสิทธิ์ นายกฯ ตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ 2.ทำไมไม่ขอความเห็นจากรัฐสภาและ ครม.ก่อน 3.ทำไมไม่รอรัฐบาลใหม่ดำเนินการ นายสุวิทย์และนายอภิสิทธิ์มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ 4.ทำไมไม่ใช้วิธีการทูตประท้วงโดยยื่นเป็นลายลักษณ์อักษร หรือใช้วิธีแก้ปัญหาระหว่างประเทศ
“รัฐบาลซาดิสต์ไปแล้วหรือถึงใช้วิธี ที่สะใจ แต่มีผลเสียหาย เพราะคณะกรรมการมรดกโลกคงจะประชุมต่อ ตัดสินใจอะไรได้ง่ายโดยไม่มีประเทศใดมาขัดขวาง” นายปลอดประสพกล่าว
นาย ปลอดประสพกล่าวต่อว่า 5.รัฐบาลเคยถามคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อุดรธานี สุโขทัย นครราชสีมา อุทัยธานี ที่มีแหล่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วหรือยัง การตัดสินใจครั้งนี้ของนายสุวิทย์และนายอภิสิทธิ์ มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยิ่ง เพราะไทยกำลังเตรียมเสนอพื้นที่ 21 แห่งขึ้นมรดกโลก 6.ทำไมนายอภิสิทธิ์ต้องโกหกหลอกลวงประชาชนที่ย้ำตลอดว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร น่าเป็นห่วง 7.นายสุวิทย์เบิกเงินไป 10 ล้านบาท อ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการล็อบบี้ ขอทราบรายละเอียดค่าใช้จ่ายด้วย
“ผล การกระทำเรื่องนี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์แพ้รูดแน่ นายสุวิทย์ก็ไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อแน่ เผลอๆ อาจติดคุกอีก” นายปลอดประสพสำทับ
นายนพดล ปัทมะ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "สุวิทย์ ทำอะไรลงไปที่ปารีส" ว่า การลาออกจากภาคีมรดกโลกจะสร้างความเสียหายให้ประเทศไทยอย่างมาก เพราะเราจะไม่สามารถนำโบราณสถานและอุทยานแห่งชาติไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ การลาออกเป็นการปิ้งปลาประชดแมว นอกจากนั้น เรายังสามารถปกป้องสิทธิในเขตแดนโดยวิธีอื่นๆ ได้ มากกว่าการลาออกจากภาคีมรดกโลก
ส่วน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตอบโต้นายนพดลว่า รัฐบาลพยายามทุกวิถีทางเพื่อกอบกู้เกียรติภูมิของประเทศมาตลอดทั้งในเวทีการ ทูต องค์กรระหว่างประเทศ และการรักษาที่มั่นอธิปไตยด้วยการสู้รบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอยากให้สังคมทบทวนจุดเริ่มต้น เพราะสมัยนายนพดลได้อนุญาตให้กัมพูชาได้สิทธิ์ในการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้ข้อต่อสู้ของไทยในเวทีคณะกรรมการมรดกโลกอ่อนแรงลงไปมาก
ด้าน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า ขอขอบคุณนายสุวิทย์ที่ตัดสินใจถอนตัว เพราะเป็น 1 ใน 3 ข้อเรียกร้อง และถือเป็นผลงานของนายสุวิทย์ รวมทั้งยืนยันเรื่องเอ็มโอยู 2543 ที่ภาคประชาชนยืนยันมาตลอด แต่แม้ว่าไทยจะถอนตัวแล้ว แต่ในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงวันที่ 29 มิ.ย. ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะพิจารณาเรื่องปราสาทพระวิหารหรือไม่ และผลจะเป็นอย่างไร ดังนั้นรัฐบาลและทหารต้องผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย และไม่ปล่อยให้มีการเดินหน้าบริหารจัดการพื้นที่ปราสาทพระวิหารและโดย รอบอย่างเด็ดขาด
“คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยและกองทัพธรรมมูลนิธิ ได้ประชุมหารือกัน โดยมีมติว่าหลังจากรอดูสถานการณ์การประชุมมรดกโลกสิ้นสุดในวันที่ 29 มิ.ย. แล้วจะชุมนุมต่อไปถึงคืนวันที่ 1 ก.ค.ก็จะประกาศยุติ” นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงท่าทีของการชุมนุม
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวสนับสนุนว่า เห็นด้วยกับการลาออก ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ทำถูกต้องแล้วที่ไม่ไปรับแผนที่กัมพูชาทำเสนอ ไป เพราะคณะกรรมการมรดกโลกก็เอนเอียงไปทางกัมพูชา
สำหรับผลกระทบตามแนว ชายแดนไทยกับกัมพูชาจะรุนแรงขึ้นหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ก่อนนายสุวิทย์จะเดินออกจากห้องประชุมได้คุยกับผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้เฝ้าระวัง เพราะมีรายงานว่าตอนนี้มีความเคลื่อนไหวของกัมพูชาระยะหนึ่งแล้ว
สำนักข่าวดึมอัมปึลของกัมพูชาได้อ้างคำกล่าวของ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชาว่า ทหารกัมพูชาได้เตรียมพร้อมตลอดเวลาในการปฏิบัติตามคำสั่งของสมเด็จฮุน เซน เพื่อทำการสู้รบต่อต้านศัตรู ทหารกัมพูชาที่ประจำการตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทพระวิหารมีใจที่จะสู้รบตลอดเวลา ขอแค่ให้มีการรุกรานจากศัตรูที่ต้องการได้ดินแดนกัมพูชา อย่าว่าแต่ต้องการได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร แม้เพียงแค่ 1 มิลลิเมตร ก็ไม่สามารถมาเอาไปได้
ในขณะที่ความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณ จ.สุรินทร์ ก็มีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังข่าวการถอนตัวของนายสุวิทย์ โดยมีรายงานว่า ทหารเขมรได้มีการเสริมกำลังทั้งบริเวณปราสาทตาควายและตาเมือนธม ซึ่งมีทั้งการเร่งสร้างหลุมหลบภัยและการตั้งฐานปืนใหญ่ ส่วนไทยเองก็มีรายงานว่าได้มีการแจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมอพยพแล้ว ในขณะเดียวกันเครื่องบินเอฟ 16 ก็ได้มีการขึ้นบินด้วย. 
