ฟังชัดๆ จาก"ศ.ดร.พิเชษฐ์" ทำไมกล้าขึ้นเวทีบริจาคเงินสุดๆ1ล้าน ให้ “สุเทพ”
“..เรื่องเงินหนึ่งล้านสำหรับผมมันจิ๊บจ๊อยมาก และสิ่งที่ตั้งใจให้เกิดขึ้นก็คือ อยากจะใช้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้น กระตุ้นคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มข้าราชการที่มีเป็นแสนเป็นล้านคน ที่มีความรู้สึกอึดอัดในใจแต่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำอะไร ให้กล้าที่จะออกมาทำอะไรเพื่อบ้านเมืองของเราได้แล้ว..”
กลายเป็นบุคคลที่ถูกสังคมจับตามองอย่างมาก ภายในช่วงเวลาข้ามคืน!!
สำหรับ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด ( มหาชน ) ที่ใจกล้าขึ้นเวทีราชดำเนิน เพื่อมอบเงินสดๆ จำนวน 1 ล้านบาท ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) เพื่อนำไปใช้เป็นทุนในการต่อต้านรัฐบาล
หลังถูกนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ) ออกคำสั่งอายัดบัญชีครัวราชดำเนิน และบัญชีของแกนนำการชุมนุมอีก 40 ราย เพื่อหวังตัดท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. อ่อนกำลังลง
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบเหตุผล รวมถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ของการบริจาคเงินสดๆจำนวนมาก ครั้งนี้ ของ ศ.ดร.พิเชษฐ์ ว่า ทำไมถึงกล้าทำ และทำไปเพื่ออะไรกันแน่?
ล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 21 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีโอกาสได้พูดคุยกับ ศ.ดร.พิเชษฐ์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงเรื่องราวทั้งหมด
ใครที่ยังข้องใจ หรือ สงสัย ในสิ่งที่ ศ.ดร.พิเชษฐ์ ทำไป นับจากบรรทัดนี้ มีคำตอบ!!
“ เหตุผลสำคัญที่ตนนำเงินไปบริจาค ให้กับผู้ชุมนุม กปปส. เพราะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของคนไทยอย่างผม งานที่ กปปส.ทำอยู่ในขณะนี้ เป็นหน้าที่ของคนไทย ที่รักชาติรักแผ่นดิน”
ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจนำเงินสดๆ จำนวน 1 ล้านบาท ขึ้นไปบริจาคบนเวทีราชดำเนินถึงมือ "กำนันสุเทพ"
ก่อนจะขยายความให้ฟังต่อว่า “ที่ผ่านมาผมไม่สามารถไปร่วมชุมนุมได้ทุกวัน วันที่ไปไม่ได้ ผมก็บริจาคเงินผ่านบัญชีครัวราชดำเนิน แต่พอบัญชีนี้ถูกปิด เราก็รู้สึกว่า นี่มันอะไรกันวะ ผู้ชุมนุมทำหน้าที่เพื่อชาติ ทำไมต้องมาเจอแบบนี้ มาเจออายัดบัญชีแบบนี้ มันเกินไปแล้ว"
"หลังทราบเรื่องคำสั่งอายัดของดีเอสไอ ผมได้ติดต่อผ่านไปยัง ดร.เสรี (วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ ) ที่ทำงานด้วยกัน ว่าจะฝากเงินไปบริจาคด้วยได้ไหม ดร.เสรีบอกว่าได้เลย บริจาคมาเลย จึงไปทำเรื่องเบิกเงินมาที่ธนาคารกสิกรไทย ตอนแรกจะออกแคชเชียร์เช็คแต่ก็ติดขัดปัญหา ก็เลยเบิกเป็นเงินสดมาเลย พอจะเอาไปให้ดร.เสรี ท่านก็บอกว่า ขึ้นมาบนเวทีเลยดีกว่า ผมก็เลยขึ้นไปบริจาคเงินด้วยตัวเอง"
ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า เขาไม่เคยคิดอยากจะดัง จากการขึ้นเวทีบริจาคเงินครั้งนี้เลย คิดแค่ว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำความดีเพื่อช่วยเหลือประเทศชาติ ถ้าเราช่วยกันทำกันคนละนิดคนละหน่อย ป่านนี้งานของ กปปส.สำเร็จไปนานแล้ว
“เรื่องเงินหนึ่งล้านสำหรับผมมันจิ๊บจ้อยมาก และสิ่งที่ตั้งใจให้เกิดขึ้นเมื่อวานก็คือ อยากจะใช้จุดนี้เป็นจุดเริ่มต้น กระตุ้นคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มข้าราชการที่มีเป็นแสนเป็นล้านคน ที่มีความรู้สึกอึดอัดในใจแต่ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาทำอะไร ให้กล้าที่จะออกมาทำอะไรเพื่อบ้านเมืองของเราได้แล้ว ซึ่งสถานการณ์ของประเทศขณะนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพากำลังของข้าราชการ เพื่อร่วมกันผลักดันงานของประเทศให้เกิดความสำเร็จลุล่วงไปข้างหน้า ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดแบบนักวิทยาศาสตร์นะ ไม่ได้คิดแบบนักการเมือง ”
เมื่อถามว่า หลังลงจากเวทีกังวลการถูกตรวจสอบเรื่องการเงินจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือไม่ ศ.ดร.พิเชษฐ์ ตอบว่า“ ผมไม่กลัวว่าจะถูกตรวจสอบอะไรจากการขึ้นบริจาคเงินครั้งนี้เรา เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ ผมเป็นข้าราชการมาก่อน ตอนนี้ก็เป็นข้าราชการบำนาญ ใครจะมาตรวจสอบผมก็ได้เลย ไม่มีปัญหาเพราะทุกอย่างเราทำโปร่งใส ยิ่งมาตรวจสอบยิ่งดีเลยยิ่งชอบ”
เมื่อถามย้ำว่า ไม่กลัวที่จะถูกอายัดบัญชีด้วยหรือ ศ.ดร.พิเชษฐ์ ตอบว่า ไม่เคยกลัวเลย อายัดมาเลยไม่มีปัญหา ผมทำทุกอย่างโปร่งใส เพราะผมอยู่ในที่แจ้ง ไม่ได้อยู่ในที่มืด ผมมีโอกาสที่จะแสดงจุดยืนอะไรผมก็จะทำ และที่สำคัญเงินที่ผมนำไปบริจาคก็เป็นเงินส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเงินบริษัทของผม ที่อยู่ในตลาด ซึ่งก็หวังว่าทางผู้ถือหุ้นจะเข้าใจเรื่องนี้ด้วย
“ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่นักธุรกิจ หรือข้าราชการทั้งหมด จะต้องออกมาช่วยกัน ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ตรงนี้สำคัญกว่าเรื่องเงิน ผมอยากให้สิ่งที่ผมทำเป็นการจุดกระแส ไปปลุกจิตสำนึกของพวกเรา ให้ลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อชาติบ้านเมืองได้แล้ว ถ้าเราช่วยกันทำได้ บ้านเมืองเราคงเจริญกว่านี้เยอะ”
เมื่อถามว่า มีแผนที่จะบริจาคเงินเพิ่มเติมหรือไม่ ศ.ดร.พิเชษฐ์ ตอบว่า ก็คงดูสถานการณ์ต่อไปก่อน ยังบอกอะไรไม่ได้ แต่ถ้าจะทำอีกก็คงจะต้องไปงัดกระปุ๊กออกมาอีก และคิดว่าถ้าหากเราช่วยกันบริจาคกันคนละเล็กละน้อย คนละแสนสองแสน จะทำให้ผู้ชุมนุม มีกำลังต่อสู้ได้มากขึ้น เราก็จะชนะได้เร็วขึ้น
“แต่เรื่องเงินทองผมคิดว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญนะ แต่สิ่งสำคัญในขณะนี้คือเราอยู่ในประเทศของเรา ควรแสดงจุดยืนของเรา ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตอนนี้ มีคนจำนวนมาก ไม่กล้าที่จะพูดแสดงความเห็นอะไรออกมา ทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ ข้าราชการ เท่าที่รับฟังมาเขาอึดอัด แต่ก็ไม่กล้าพูดไม่กล้าทำอะไร ซึ่งการแสดงความเห็น เป็นสิ่งสำคัญมาก ในฐานะผู้นำความคิดเราต้องกล้าทำ เพื่อช่วยให้ประเทศไทย พัฒนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นกว่าเดิม เราต้องกล้าทำ” ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวทิ้งทาย
คำถามที่น่าสนใจต่อไป คือ จะมีนักธุรกิจ และข้าราชการรายใด กล้าพอที่จะลุกขึ้นทำตามแบบ ศ.ดร.พิเชษฐ์ ระบุไว้บ้าง?
(ภาพประกอบ ศ.ดร.พิเชษฐ์ จาก smartsme.tv)
อ่านประกอบในเรื่อง : เปิดตัว ศ.ดร.พิเชษฐ์ มอบเงินสดๆ บนเวทีราชดำเนิน 1 ล้าน ท้าทาย "ธาริต"