แฉคนวางยาพิษสังหารฝูง'กระทิง'
กรมอุทยานฯ เพิ่งตื่น สั่งตั้ง ผอ.สำนักอุทยานฯ เป็น ปธ.ตรวจสอบข้อเท็จจริง "กระทิง" ป่ากุยบุรี ตายยกฝูง คาดอาจเป็นฝีมือมนุษย์วางยาพิษฆ่าหมู่ มั่นใจหลังปีใหม่มีคำตอบให้สังคม...
กรณีพบ "กระทิง" ในพื้นที่โครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ล้มตายต่อเนื่องอย่างมีปริศนาถึง 17 ตัว ตั้งแต่วันที่ 2-26 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยกระทิงที่ตายมีอาการคล้ายถูกสารพิษนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 56 นายนิพนธ์ โชติบาล รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง นายสาธิต ปิ่นกุล หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง จ.ราชบุรี เป็นหัวหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนฯ กุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (โครงการกุญชร) แทนนายกมล อุ่นใจ หัวหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูฯ ที่ถูกย้ายไปประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) หลังเกิดเหตุกระทิงตายหมู่ 17 ตัว
นอกจากนี้ ยังมีการแต่งตั้ง นายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้อสงสัยในพฤติกรรมและการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระทิงตายว่าเป็นอย่างไร เช่น ปมความขัดแย้งมีจริงหรือไม่ หากมีนำไปสู่การฆ่ากระทิงหรือไม่
นายสาธิต ปิ่นกุล หัวหน้าโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนฯ กุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (โครงการกุญชร) คนใหม่ กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าสาเหตุการตายของกระทิง ขณะนี้เหลือ 2 ประเด็น คือ 1.ตายเพราะถูกสารพิษ 2.ตายเพราะโรคติดต่อ ซึ่งได้เก็บตัวอย่างจากซากกระทิงไปตรวจสอบหมดแล้ว จะแถลงผลการตายของกระทิงได้ในช่วงหลังปีใหม่ สำหรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เชื่อว่าเมื่อผลการตรวจสอบกระทิงปรากฏขึ้น น่าจะรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง
ขณะที่ นายสมัคร ดอนตาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ในฐานะประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้อสงสัยในพฤติกรรมและการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ต่อการตายของกระทิง กล่าวว่า การตายของกระทิง เชื่อว่าน่าจะถูกวางยาพิษโดยฝีมือมนุษย์ แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นคนทำ และทำเพื่อประสงค์สิ่งใด โดยในวันที่ 2 ม.ค. จะเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม คนที่ทำได้ขนาดนี้ถือว่าอำมหิตผิดมนุษย์ ทั้งนี้ ผลการสอบสวนน่าจะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 8 ม.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการสอบสวนหาผู้กระทำผิด กรมอุทยานฯ ได้วางประเด็นไว้ 3 แนวทาง แนวทางแรกมุ่งไปที่ความขัดแย้งของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ด้วยกันเองในเรื่องของผลประโยชน์ในพื้นที่อุทยานฯ กุยบุรี กับพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนฯ กุยบุรี ซึ่งอยู่ติดกัน เนื่องจากที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในพื้นที่ถูกตรวจสอบว่ามีการยักยอกเงินแล้วถูกจับได้ รวมทั้งมีความพยายามที่จะขัดขวางการแสวงหาผลประโยชน์ในพื้นที่จนทำให้เกิดความโกรธแค้น และต้องการให้ย้ายเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่ขัดขวางออกไป
สำหรับแนวทางที่ 2 มุ่งไปที่เรื่องผลประโยชน์ที่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เอ็นจีโอ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ บางคน เข้าไปหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว สัตว์ป่า เป็นต้น เนื่องจากในอนาคตอันใกล้ อุทยานฯ กุยบุรี และอุทยานฯ ในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จะได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก จึงต้องการสร้างสถานการณ์ให้มีการย้ายเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในพื้นที่ออก เพื่อจะนำคนของตัวเอง หรือคนที่สามารถควบคุมได้มาเป็นหัวหน้าอุทยานฯ กุยบุรี และโครงการกุญชร
ส่วนแนวทางสุดท้าย มุ่งไปที่ความขัดแย้งในงบประมาณ 4.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณที่วุฒิสภา อนุมัติให้อุทยานฯ กุยบุรี สร้างอ่างเก็บน้ำสำหรับให้สัตว์ป่ากิน แต่ปรากฏว่าเมื่อมีการสร้างเสร็จแล้วรูปแบบไม่เป็นไปตามสเปกที่กำหนดไว้ จึงไม่สามารถเบิกเงินงบประมาณก่อสร้างได้ ฝ่ายผู้เสียผลประโยชน์จึงสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อต้องการให้มีการเปลี่ยนหัวหน้าอุทยานฯ และผู้รับผิดชอบงบประมาณ 4.9 ล้านบาท
ด้านนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ขณะนี้อย่าเพิ่งไปคาดเดาว่าเกิดมาจากอะไร ขอให้ผลการตรวจสอบออกมาก่อน ขอให้ใจเย็นๆ เมื่อถามว่าถ้าใจเย็นๆ แล้วกระทิงตายเพิ่มขึ้นจะทำอย่างไร และที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า รายงานว่า จากการติดตามกระทิงในฝูงที่เหลือ พบว่า 2 ตัวมีอาการกะปลกกะเปลี้ยคล้ายไม่แข็งแรงนั้น ได้รับรายงานแล้วหรือยัง และจะจัดการอย่างไรเพื่อรักษาชีวิตกระทิงทั้ง 2 ตัวนั้นไว้ นายธีรภัทร กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามกระทิงทั้ง 2 ตัวอย่าให้คลาดสายตา ส่วนจะดำเนินการอย่างไร ต้องปรึกษากับทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
“ยอมรับว่าการจะเข้าไปเจาะเลือดจากกระทิงที่ยังไม่ตายมาตรวจเพื่อหาสาเหตุการตายคงลำบาก เพราะกระทิง 2 ตัวนี้เดินอยู่ใกล้กับโขลงช้าง ราว 20 ตัว เกรงว่าถ้าไปยิงยาสลบเพื่อเจาะเลือด กว่ากระทิงจะสลบต้องใช้เวลา กลัวว่ามันจะวิ่งเข้าไปใกล้โขลงช้าง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ได้เป็นอันตรายมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังเตรียมการเพื่อที่จะตั้งศาลเพียงตาที่จุดใดจุดหนึ่งของบริเวณที่กระทิงตาย เพื่อเป็นสิ่งระลึกและเตือนใจว่า ครั้งหนึ่งเคยเกิดเหตุน่าสลดใจขึ้น และหลังวันปีใหม่จะมีการทำบุญครั้งใหญ่ให้กระทิงที่ตายทั้งหมด” นายธีรภัทร กล่าว
วันเดียวกัน นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี เจ้าหน้าที่เครือข่ายองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ทหาร ฉก.จงอางศึก กกล.สุรสีห์ ทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ บ้านรวมไทย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ ได้เดินทางไปยังจุดชมช้างป่าและกระทิง จุดบ้านห้วยลึก ภายในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรีเพื่อเก็บซากกระทิง ทั้ง 17 ตัว ทั้งนี้ ซากกระทิงบางส่วนจะนำไปจัดเก็บไว้ในอนุสรณ์สถานในโครงการกุญชร ที่จุดตรวจห้วยลึก เพื่อให้ประชาชนศึกษาเป็นบทเรียนของความสูญเสียที่เจ็บปวด พร้อมสร้างจิตสำนึกให้ชาวบ้านรักและหวงแหนสัตว์ป่า.

