ปี57 กทม.รถยังติดเพิ่ม ชั่วโมงเร่งด่วนวิ่งได้แค่17กม./ชม.
สาเหตุของปัญหารถติด ประการแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องมีปริมาณรถมากกว่าถนนที่จะใช้รองรับ จากสถิติของกรมการขนส่งทางบก (ชบ.) ในปี 2556 มีปริมาณรถยนต์สะสมถึงวันที่ 30 พ.ย. เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ 8,194,572 คัน
รถติดปัญหาที่แก้ไม่ตกในเมืองหลวงของหลายประเทศ สำหรับกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของเรา ในปีนี้ได้รับการโหวตจากผู้อ่านเว็บไซต์ BBC ทั่วโลก ว่าเป็นเมืองที่รถติดที่สุดในโลก
ในปีที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้สำรวจอัตราความเร็วเฉลี่ยของรถยนต์ส่วนบุคคลในเขตกรุงเทพฯ ปี 2556 ในช่วงระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. 2556 โดยวิธีบันทึกหมายเลขทะเบียนรถบนถนนสายหลักรวม 6 กลุ่มพื้นที่ ได้แก่ 1.ด้านทิศเหนือ มีถนนพหลโยธิน วิภาวดีรังสิต ประชาชื่น พระราม 5 2.ด้านทิศใต้ มีถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน กรุงธนบุรี มไหสวรรย์ เจริญกรุง 3.ด้านทิศตะวันออก มีถนนพระราม 9 เพชรบุรี สุขุมวิท พระราม 4 ลาดพร้าว 4.ด้านทิศตะวันตก มีถนนสิรินธร บรมราชชนนี ราชวิถี เพชรเกษม สมเด็จพระปิ่นเกล้า 5.พื้นที่ภายในถนนวงแหวนชั้นใน มีถนนพระราม 5 พระราม 4 ราชดำเนินกลาง อโศก-ดินแดง ราชวิถี พญาไท เพชรบุรี สุขุมวิท เพลินจิต พระราม 1 และ 6.กลุ่มถนนวงแหวนชั้นใน มีถนนรัชดาภิเษก พระราม 3 มไหสวรรย์ จรัญสนิทวงศ์ ได้ข้อสรุปว่า ภาพรวมการจราจรบนถนนสายหลักไม่รวมถนนบนวงแหวนชั้นใน มีความเร็วรถเฉลี่ยในช่วงเร่งด่วนเช้า 16 กม./ชม. ลดลงจากปี 2555 ที่มีความเร็วเฉลี่ย 16.4 กม./ชม. คิดเป็นร้อยละ 2.4 ส่วนความเร็วเฉลี่ยรถช่วงเร่งด่วนเย็นอยู่ที่ 23.3 กม./ชม. ลดลงจากปี 2555 ที่มีความเร็วเฉลี่ย 23.8 กม./ชม. คิดเป็นร้อยละ 2.4 ถือได้ว่าปีที่ผ่านมารถติดเพิ่มขึ้น!
สาเหตุของปัญหารถติด ประการแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องมีปริมาณรถมากกว่าถนนที่จะใช้รองรับ จากสถิติของกรมการขนส่งทางบก (ชบ.) ในปี 2556 มีปริมาณรถยนต์สะสมถึงวันที่ 30 พ.ย. เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ อยู่ที่ 8,194,572 คัน จากปี 2555 ที่มียอดรถจดทะเบียนสะสม 7,523,381 คัน เพิ่มขึ้นแล้ว 671,191 คัน คาดว่าในเดือน ธ.ค.จะมีเพิ่มขึ้นอีก โดยมีรถเก๋งจดทะเบียนใหม่ 443,337 คัน รถปิกอัพ 103,423 คัน รถจักรยานยนต์ 429,275 คัน เป็นรถยนต์ 4 ล้อ จดทะเบียนใหม่เฉลี่ยวันละ 1,828 คัน มากกว่าปี 2555 ที่มีการจดทะเบียนใหม่ เฉลี่ยวันละ 1,618 คัน คิดเป็นร้อยละ 13.2 โดยมีสถิติรถจดทะเบียนใหม่ตามโครงการรถยนต์คันแรกเฉลี่ยวันละ 1,324 คัน คิดเป็นร้อยละ 72 ของรถยนต์จดทะเบียนใหม่ทั้งหมด ส่วนรถจักรยานยนต์ มีสถิติจดทะเบียนใหม่เฉลี่ยวันละ 1,328 คัน เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีเฉลี่ยวันละ 1,253 คัน คิดเป็นร้อยละ 18.8 ขณะที่ถนนในกรุงเทพฯ ยังมีอยู่ 5,400 กม.เท่าเดิม แถมยังมีการก่อสร้างรบกวนผิวการจราจรอีก
โดยโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้วเบียดบังพื้นผิวการจราจร ได้แก่ โครงการทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ก่อสร้างบนถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี ติวานนท์ รัตนาธิเบศร์ ถนนวงแหวนตะวันตก โครงการทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ หัวลำโพง-บางแค ก่อสร้างบนถนนเจริญกรุง วังบูรพา สนามไชย พระบรมมหาราชวัง ถนนอิสรภาพ ถนนเพชร
เกษม ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนประชาราษฎร์สาย 2 โดยบนถนนจรัญสนิทวงศ์ยังมีโครงการก่อสร้างอุโมงค์ลอดแยกไฟฉายด้วย โครงการทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ก่อสร้างไปบนถนนสุขุมวิท โครงการทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ก่อสร้างไปตามถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ และมีทางขึ้นที่ถนนวงแหวนรอบนอกตะวันตก ถนนราชพฤกษ์ ถนนบรมราชชนนี ถนนสิรินธร ถนนจรัญสนิทวงศ์ และถนนกำแพงเพชร
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สนข. เปิดเผยว่า สนข.ได้วิเคราะห์และพยากรณ์สภาพการจราจรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเปรียบเทียบปี 2556 กับปี 2557 ด้วยแบบจำลองการขนส่งและจราจรระดับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (Extended Bangkok Urban Model: eBUM) ที่ สนข.พัฒนาขึ้นเพื่อใช้พยากรณ์ปริมาณการเดินทางบนโครงข่ายการขนส่งและจราจร และผลกระทบของสภาพจราจรที่มีต่อโครงข่าย ซึ่งจากการป้อนฐานข้อมูลแบบจำลองเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบระหว่างปี 2556 กับปี 2557 อาทิ จำนวนประชากร จำนวนครัวเรือน จำนวนการจ้างงาน จำนวนนักเรียน นักศึกษา โครงการก่อสร้างบนพื้นผิวถนน ฯลฯ ได้ผลการคาดการณ์ว่าในปี 2557 จะมีสัดส่วนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 61.8 ของการเดินทางทั้งหมด จากปี 2556 มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในการเดินทางร้อยละ 56.7 ’ส่วนผลการคาดการณ์ความเร็วเฉลี่ยการเดินทางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า ปี 2557 จะมีความเร็วเฉลี่ยการเดินทางในช่วงเร่งด่วนเช้าอยู่ที่ 17 กม./ชม. ลดลงจากปี 2556 ที่มีความเร็วเฉลี่ย 19.4 กม./ชม. ส่วนความเร็วเฉลี่ยในช่วงเร่งด่วนเย็นในปี 2557 จะอยู่ที่ 21.4 กม./ชม. ลดลงจาก 24 กม./ชม. เนื่องจากมีปริมาณรถยนต์ส่วนตัวเพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตัวของเมืองและที่อยู่อาศัยไปย่านชานเมืองมากขึ้น แต่ระบบขนส่งสาธารณะมีเท่าเดิม การก่อสร้างรถไฟฟ้ายังไม่แล้วเสร็จ และไม่ครอบคลุมทั่วพื้นที่ คนจึงยังขับรถออกจากบ้านเพื่อเข้าเมือง”
นายจุฬา กล่าวว่า โซนที่จะมีการขยายของเมืองและที่อยู่อาศัย มีบ้านจัดสรรผุดขึ้นเป็นจำนวนมาก อยู่ที่โซนธัญบุรี จ.ปทุมธานี และแถวถนนราชพฤกษ์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี เป็นพื้นที่ทางด้านทิศเหนือต่อเนื่องไปทางด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ จะมีผลกระทบการจราจรมาก นอกจากนี้ในโซนด้านทิศเหนือยังจะมีผลกระทบจากโครงการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างประกาศประกวดราคาสัญญางานโยธา คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาพร้อมเริ่มลงพื้นที่ก่อสร้างได้ประมาณเกือบปลายปี 2557 พื้นที่ก่อสร้างอยู่ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่จากปลายทางรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิตไปตามแนวพหลโยธิน แล้วเลี้ยวเข้าถนนลำลูกกา ซึ่งจะทำให้ช่องจราจรลดลงไปฝั่งละ 1 ช่องจราจร นอกจากนี้ระหว่างการก่อสร้างยังต้องรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธินและสะพานข้ามแยกเกษตรศาสตร์-เสนา ออก ทำให้ช่องจราจรหายไปประมาณ 5 ช่อง ถือเป็นวิกฤติการจราจรอย่างแน่นอน และยังส่งผลกระทบไปยังถนนสายอื่นที่อยู่ใกล้เคียงด้วย ทั้งถนนวิภาวดีรังสิต รามอินทรา แจ้งวัฒนะ ส่วนพื้นที่โซนอื่นยังไม่มีปัจจัยเพิ่ม
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์รถติดของปีที่ผ่านมา ถือได้ว่ามีปัญหาการจราจรหนักหน่วงที่สุดแล้ว ถึงขั้นที่มีสื่อต่างประเทศจัดอันดับว่ากรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่รถติดเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งอาจจะเป็นจุดวิกฤติสูงสุดแล้วก็ได้ คาดว่าในปีนี้อาจมีสภาพการจราจรเบาบางลงบ้างเล็กน้อย นอกจากนี้เชื่อว่าโครงการแก้ปัญหาการจราจร 16 โครงการของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้ หากคนในสังคมร่วมมือกัน เพราะเป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่ทุกคนจะต้องมีวินัยในการอยู่ร่วมกัน อย่างไรก็ตามมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเป็นเพียงการบรรเทาปัญหา การจราจรที่มีอยู่ยังแก้ไขได้ยาก หากระบบขนส่งมวลชนยังไม่ครอบคลุม และเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ที่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจรเพิ่มขึ้นนั้น จะเป็นพื้นที่ย่านตึกสูง ย่านที่ตั้งของคอนโดมิเนียมที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จ โดยเฉพาะในตัวเมือง เนื่องจากในตัวเมืองมีปริมาณรถค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว มีรถสัญจรค่อนข้างคงที่ แต่ถ้ามีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้มีการเพิ่มปริมาณรถก็จะส่งผลกระทบต่อการจราจรทันที นอกจากนี้คอนโดมิเนียมในแนวสายทางรถไฟฟ้าที่คอนโดฯสร้างเสร็จไปก่อนแล้ว แต่รถไฟฟ้ายังไม่มา ก็จะส่งผลให้การจราจรบนถนนเหล่านั้นมีปัญหาติดขัดด้วย ที่เห็นในขณะนี้ประกอบด้วย ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา ถนนงามวงศ์วาน ที่การจราจรเริ่มติดขัดมากแล้ว แต่ถ้ารถไฟฟ้าก่อสร้างเสร็จและครอบคลุมพื้นที่อย่างเพียงพอก็จะช่วยบรรเทาการจราจรที่ติดขัดได้
“โครงการแก้ปัญหาจราจรของตำรวจ จะเป็นมาตรการการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนที่เคยปฏิบัติกันมา ทั้งโครงการยกรถจอดผิดกฎหมาย การจัดระเบียบที่จอดรถสาธารณะ การบังคับใช้เส้นทางรถเมล์ หรือบัสเลน แต่สามารถช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้ จึงต้องขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ร่วมมือกับตำรวจช่วยกันแก้ไขปัญหาการจราจรด้วยการมีวินัยในตัวเอง ดังคำกล่าวที่ว่า วินัยจราจรสะท้อนวินัยชาติ ซึ่งจะแสดงออกถึงนิสัยของคนไทยและวัฒนธรรมของชาติ ดังนั้นเราทุกคนควรร่วมมือกันปฏิบัติตามกฎจราจร” พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าว
นอกจากลักษณะทางกายภาพของถนน การก่อสร้างในผิวการจราจร ปริมาณรถที่มีมากเกินกว่าถนนจะรับไหวแล้ว สาเหตุสำคัญที่ทำให้รถติดคือ การไม่มีวินัยจราจรของผู้ขับขี่ หากเราทุกคนต่างมีวินัยในตัวเองได้ เชื่อว่าปัญหาการจราจรจะดีขึ้นได้อีกมาก.

