เป็น "ชี" มีสิทธิเลือกตั้งไหม ?
“...การที่กำหนดให้ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ก็เพื่อมิให้บุคคลที่ปล่อยวางวิถีชีวิตของคนธรรมดาเข้าสู่วิถีชีวิตในทางศาสนาอย่างเคร่งครัดแตกต่างจากบุคคลทั่วไป มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในทางการเมือง...”

เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เผยแพร่ความเห็น ตามเรื่องเสร็จที่ 1544/2556 กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ขอหารือ เรื่องสิทธิเลือกตั้งของชีและแม่ชีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพราะแม้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 100 (1) กำหนดให้ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งต้องมาทำความเข้าใจว่า คำว่า “นักบวช” รวมถึง “ชี” ด้วยหรือไม่ เนื่องจากในการหารือครั้งหนึ่ง สำนักงานพระพุทธศาสนาแจ้งว่า บรรพชิตหรือนักบวชในพระพุทธศาสนาหมายถึงภิกษุหรือสามเณรในฝ่ายเถรวาทเท่านั้น แต่ราชบัณฑิตยสถาน ยืนยันว่านิยามของ “ชี” ก็คือนักบวชประเภทหนึ่งในพระพุทธศาสนา
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้พิจารณาข้อหารือของสำนักงาน กกต.โดยมีผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้แทนราชบัณฑิตยสถาน ผู้แทนสำนักงาน กกต.และผู้แทนมูลนิธิสถาบันแม่ชีไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ เป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว มีความเห็นว่า แม้คำว่า “นักบวช” ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 100 (1) จะมิได้กำหนดความหมายไว้เป็นการเฉพาะ การพิจารณาถ้อยคำดังกล่าวจึงต้องพิจารณาความหมายทั่วไปประกอบ ซึ่งการที่กำหนดให้ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ก็เพื่อมิให้บุคคลที่ปล่อยวางวิถีชีวิตของคนธรรมดาเข้าสู่วิถีชีวิตในทางศาสนาอย่างเคร่งครัดแตกต่างจากบุคคลทั่วไป มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในทางการเมือง นอกจากนี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ยังกำหนดความหมายของคำว่า “นักบวช” ไว้ว่า “ผู้ที่ได้เข้าพิธีบวชตามลัทธิศาสนาต่าง ๆ เช่น ภิกษุ สามเณร บาทหลวง” การเข้าพิธีบวชดังกล่าวจึงหมายถึงการเข้าพิธีบวชตามหลักศาสนาหรือตามความเชื่อของบุคคลในลัทธินั้นๆ ก็ได้
“เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า การเป็นแม่ชีต้องผ่านพิธีการบวชกับพระภิกษุและมีการกล่าวคำขอบวช
ซึ่งถือได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการเข้าพิธีบวชแล้ว ประกอบกับตามคำชี้แจงของแม่ชีก็เห็นว่าตนเป็นผู้ถือบวชประเภทหนึ่ง ดังนั้น คำว่า “ชี”และ “แม่ชี”จึงอยู่ในความหมายของคำว่า “นักบวช”ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 100 (1)“
ทั้งนี้ เป็นไปตามแนวความเห็นเดิมของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ความเห็นต่อกรมการปกครอง (เรื่องเสร็จที่ 154/2522 และสำนักงาน กกต. (เรื่องเสร็จที่ 134/2543)
