“บก.ลายจุด”ผ่าความจริง!ปฏิบัติการเสื้อแดง"จุดเทียน-ลอกคราบ"
“เสื้อเหลือง – เสื้อแดงตอนนี้ยันกันอยู่ ถ้าเสื้อขาวเทไปที่ฝั่งไหน อีกฝั่งหนึ่งเจ๊งเลย ดังนั้นเขากลัวเสื้อขาว โดยจะเห็นได้ว่าหลังกิจกรรมจุดเทียน วันรุ่งขึ้นเหล่าดาราเซเล็ปของ กปปส. เขาใส่เสื้อขาวทันทีเลย เพราะเขากลัวเสื้อขาว เขาก็ช่วงชิงภาพตรงนี้ และก็ทำลายเสื้อขาวที่ออกมาจุดเทียน”

พลันที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) สั่งยกระดับการชุมนุม ใช้ปฏิบัติการ “ชัตดาวน์บางกอก” ในวันที่ 13 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดงนำโดย กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้จัดเวทีคู่ขนาน “หยุดรัฐประหาร ต้านกบฏ” ใน 4 จังหวัดทั่วภูมิภาคเช่นกัน
โดยเวทีกลุ่ม นปช. นั้นได้มีการจัดกิจกรรม “จุดเทียน” รวมถึงมีมวลชนบางคนใส่ “เสื้อขาว” ซึ่งคล้ายคลึงกับกิจกรรมที่กลุ่ม “พอกันที! หยุดการชุมนุมที่สร้างเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรง!” และกลุ่ม “ANTs’ Power” จัดขึ้นเพื่อแสดงพลังยุติความรุนแรง สนับสนุนการเลือกตั้ง ไปก่อนหน้านี้ที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร โดยต่างถูกบรรดาแกนนำ กปปส. ปรามาศว่าเป็นเพียงพวก “เสื้อแดงลอกคราบ” เท่านั้น
ส่งผลให้มีหลายฝ่ายไม่สบายใจที่กลุ่มเสื้อแดงทำกิจกรรมเลียนแบบ เช่น “ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์” แกนนำกลุ่ม “ขั้วที่ 3” ที่ไม่เห็นด้วยที่คนเสื้อแดงจัดกิจกรรมเลียนแบบ เพราะถือว่าเป็นการดิสเครดิต “คนเป็นกลาง”
นอกจากนี้ กรณีที่รัฐบาลจัดเวทีปฏิรูปโดยเชิญตัวแทนจากพรรคการเมือง และนักวิชาการ เข้าหารือนั้น ก็ถูกหลายฝ่ายมองว่า ไม่มีความเป็นกลางอย่างแท้จริง รวมถึงที่ไม่มีตัวแทนจาก กปปส. ที่เป็นคู่กรณีรัฐบาลมาร่วมหารือซึ่งอาจส่งผลให้ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น สังคมก็ขัดแย้งกันเช่นเดิม
ทั้งนี้ เพื่อไขข้อสงสัยทั้งหมด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ต่อสายตรงไปยัง “หนูหริ่ง – นายสมบัติ บุญงามอนงค์” หรือ “บก.ลายจุด” แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้น
นับจากบรรทัดนี้ไป มีคำตอบ ที่น่าสนใจในหลายประเด็น
@ หลายฝ่ายมองว่า นปช. จัดกิจกรรมเลียนแบบกลุ่มคนเสื้อขาว
ก็ฟังได้ จริง ๆ ควรรักษาภาพว่าเสื้อแดงมาร่วมได้ แต่ไม่ควรเป็นผู้นำถึงขนาดในการสร้างกิจกรรมนี้ คือไปร่วมแล้วใส่เสื้อขาว นี่ไม่ใช่ประเด็น แต่ถึงขนาดเป็นผู้นำในการทำกิจกรรม และใส่เสื้อสีขาวด้วยนั้น ทางฝั่งกลุ่มคนเสื้อขาวจริง ๆ เขาอาจจะงง ๆ นิดหน่อย ผมคิดว่าเป็นแบบนี้
สำหรับผม ถ้าคนเสื้อแดงจะเป็นผู้นำในการจุดเทียน ใส่เสื้อแดงเลย ตอนแรกไม่คิดว่ามีประเด็น แต่เมิ่อผู้จัดกิจกรรมตั้งข้อสังเกตมาก็คิดว่าฟังได้ ถ้าอยากสะดวกใจ ก็ให้เสื้อแดงใส่เสื้อแดงจุดเทียน หรือหลากสีมาก็ได้ ไม่ต้องขาวก็ได้ ไม่ต้องระบุว่าใส่เสื้อสีอะไร
@กปปส. ตีขลุมเหมารวมหมดแล้วว่าคนจุดเทียนคือคนเสื้อแดง
ต้องเข้าใจว่าเขากลัวคนเสื้อขาวจะตาย คือเสื้อเหลือง – เสื้อแดงตอนนี้ยันกันอยู่ ถ้าเสื้อขาวเทไปที่ฝั่งไหน อีกฝั่งหนึ่งเจ๊งเลย ดังนั้นเขากลัวเสื้อขาว โดยจะเห็นได้ว่าหลังกิจกรรมจุดเทียน วันรุ่งขึ้นเหล่าดาราเซเล็ปของ กปปส. เขาใส่เสื้อขาวทันทีเลย เพราะเขากลัวเสื้อขาว เขาก็ช่วงชิงภาพตรงนี้ และก็ทำลายเสื้อขาวที่ออกมาจุดเทียน
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเสื้อขาวมีอยู่จริง แต่ผมก็ไม่ได้ไปจุดเทียนกับเขา ผมก็เกรงใจว่าถ้าไปจุดเทียน ถ้าเป็นมวลชนธรรมดาก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าผมไปคนก็จะเล็งว่า “เฮ้ย ! เสื้อแดง” อะไรแบบนี้
แต่ผมสนับสนุนเต็มตัวเลยกิจกรรมแบบนี้ ผมเห็นด้วย ทำเถอะ หรือถ้าเสื้อแดงจะคิดอ่านกิจกรรมอะไรได้ก็ทำเถอะ แต่ว่าอยู่ในรูปแบบของสันติวิธี
ทีนี้ในส่วนของกิจกรรมนั้นเวลาคุณเอาไปใช้ เช่น ม็อบ กปปส. สนับสนุนคำว่าอารยะ ถือธงอารยะ สันติวิธี คุณก็ต้องอารยะสันติวิธี ส่วนคนเสื้อแดง คุณสนับสนุนประชาธิปไตย คุณก็ต้องใส่เสื้อแดงแล้วโปรประชาธิปไตย ยอมรับความเห็นต่าง ไม่ใช่ไปตีเขาอะไรแบบนี้ ในบางจังหวัด คือคุณต้องประชาธิปไตยจริง ๆ
ส่วนคนที่เป็นคนไปจุดเทียนเพื่อลดความรุนแรง คุณก็ต้องมีท่วงทำนองที่ลดความรุนแรงจริง ๆ ยืนยันต่อจุดยืนที่ได้ประกาศต่อสาธารณะให้ชัดเจน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเสื้อสีอะไรไม่มีปัญหา สังคมจะตัดสินเอง
@”ณัฐวุฒิ” ประกาศว่าจะพามวลชนบุกกรุงเทพ หากรัฐบาลถูกโค่นล้ม
ถ้าคุณล้มรัฐบาลคุณใช้วิธีการไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว รัฐบาลยุบสภาแล้ว ประชาชนจะไปเลือกตั้ง ถ้า กปปส. ทำแบบนั้น ก็เท่ากับว่าออกจากเฟรม ออกจากกรอบประชาธิปไตย ออกจากกรอบกฎหมายใช่หรือไม่ ถ้าทำอย่างนั้นคุณก็ลองคิดดูสิว่าคนอื่นจะออกมาแบบนี้นะ มันจะไม่ยุ่งกันใหญ่เหรอ
ผมเข้าใจณัฐวุฒิว่า เขาพูดทิ้งไว้ว่า กปปส. อย่าทำแบบนั้น แต่จริง ๆ เขาไม่ได้อยากจะมาหรอก เพราะถ้าอยากมาเขาชุมนุมที่กรุงเทพตอนนี้ ทีนี้เขาถอยไปตั้งไกลแล้ว กิจกรรมอะไรก็แทบไม่มีเลย
@มองเวทีปฏิรูปที่รัฐบาลจัดอย่างไร
คือการปฏิรูปต้องทำไป การเลือกตั้งต้องทำไป ผมเองก็ยังคิดว่าการปฏิรูปเป็นเรื่องที่ดี ผมก็อยู่ในกลุ่ม 2 เอา 2 ไม่เอา และ 1 ในที่ผมเอา โดยเป็นจุดร่วมในกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ก็คือเรื่องการปฏิรูป ผมเห็นด้วยว่าควรปฏิรูป แต่ต้องถกเถียงว่าควรปฏิรูปเรื่องอะไร มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ทำกันอย่างไร อย่างนี้ต้องถกเถียง
ดังนั้นหากรัฐบาลจะทำเรื่องนี้ กปปส. ก็เรียกร้องให้ปฏิรูป แล้วรัฐบาลทำปฏิรูปมันผิดอย่างไร ก็คุณเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิรูปเขาก็ปฏิรูป
แต่คำถามส่วนใหญ่ก็คือสิ่งที่จะปฏิรูป หรือกระบวนการที่จะปฏิรูปมันสอดคล้องกับสังคมไทยจริง ๆ คืออะไร อันนี้เป็นปัญหาที่ผมรู้สึกว่าโลกมันแตกอยู่เลย
คือผมคิดว่าคนที่ทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุด และมีผลงานแล้วคือ นพ.ประเวศ วสี ราษฎรอาวุโส ผมว่าแกดีที่สุดในบรรดากลุ่มคนที่เคยมีประสบการณ์ด้านปฏิรูป ทำถึงขนาดเกิดรัฐธรรมนูญ ปี 2540 แต่ผมคิดว่ากระบวนการที่ให้ นพ.ประเวศ ทำในอดีต ไม่สามารถทำได้ในปัจจุบัน
ดังนั้นเราต้องคิดค้นนวัตกรรมของการปฏิรูป ไม่ใช่ปล่อยให้เหล่าอีลิต ชนชั้นนำ บิ๊กเนม ข้าราชการ ทำปฏิรูป เพียงลำพังเท่านั้น พวกนี้ทำได้ แต่คุณต้องขยายกรอบไปสู่สิ่งที่เรียกว่า ประชาชนปฏิรูป ส่วนประชาชนปฏิรูปจะมีวิธีการอะไรนี่เป็นประเด็น
@สิ่งสำคัญที่ควรปฏิรูปเป็นเรื่องแรกคืออะไร
สิ่งที่ควรปฏิรูปคือกระบวน และวิธีการปฏิรูป ต้องขายเฟรมจากคนกลุ่มเดิมที่เรียกว่าเป็นนักคิด นักวิชาการ อีลิต อย่างจำพวกผม แต่ต้องขยายเฟรมอย่างนี้ไปสู่ประชาชนที่มีความตื่นตัวทางการเมือง และอยากเข้ามามีส่วนร่วมในทางปฏิรูป เพราะยุคนี้เป็นยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน คุณจะเอาคนไม่กี่คนไปตั้งรัฐสภา เปิดรัฐบาล มันไม่ได้ มันต้องให้ประชชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง
การปฏิรูปก็เหมือนกัน ต้องทำให้กว้างขวางขนาดนั้นเลย มันเป็นปัญหาเรื่องกระบวนการ วิธีการ และวิธีคิดด้วย วิธีคิดคือยังคงอยู่ในกรอบเดิม ต้องขยายกรอบออกมาให้กว้างกว่านั้น ไม่อย่างนั้นจะมีแรงดึงดูดไม่เพียงพอ เป็นกระแสนำความขัดแย้งจากตรงนี้ออกไป
ตอนนี้สภาปฏิรูปทั้งหลายมันเหมือนสภาปรองดอง มันไม่ใช่สภาปฏิรูป นี่เป็นปัญหาตรงนี้ ถ้าคุณคิดเรื่องการปฏิรูปมันไม่ใช่แค่เรื่องอำนาจ ตอนนี้มันมีปัญหาเรื่องอำนาจที่ขัดแย้งกัน มันเหมือนว่าต้องการเจรจาเพื่อจัดสรรอำนาจกันในสังคม แต่ไม่ใช่ปฏิรูปเท่านั้นแหละ ถ้าคุณปฏิรูปมันจะมีเรื่องเล็ก ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องเต็มไปหมด นี่เป็นสาระสำคัญที่ผมอยากบอก
@ท้ายสุดแล้วควรปฏิรูปก่อนหรือหลังเลือกตั้ง
เราต้องปฏิรูปและเลือกตั้งไปพร้อมกัน มันไม่มีอะไรก่อนหรือหลัง ทุกอย่างเป็นปฏิทิน อะไรทำได้ก่อนทำ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อกันและกัน เมื่อคุณจะเริ่มต้นปฏิรูป ตั้งคณะกรรมการปฏิรูป หรือบนเวทีจะคุยว่าปฏิรูปอะไรคุณพูดไปเถอะ ใครมีเวทีไหนทำไป รัฐบาลจัดจัดไป เมื่อวันเลือกตั้งมาถึงก็เลือกตั้ง พอเลือกตั้งเสร็จก็ปฏิรูปต่อ ไม่เป็นปัญหา ไม่เป็นอุปสรรคต่อกันเลย
ไม่ใช่บอกว่ารอเลือกตั้งก่อนนะค่อยปฏิรูป หรือปฏิรูปก่อนนะค่อยเลือกตั้ง มันไม่ใช่ มันไร้สาระ ทั้งที่สามารถจัดพร้อม ๆ ได้เลยในคราวเดียว
ทั้งหมดนี้คือเสียงสะท้อนจาก “เซเล็ปคนเสื้อแดง” ที่ออกมา “ตักเตือน – เสนอแนะ” ฝ่าย “นปช. – รัฐบาล” ให้ “ทบทวนบทบาท” และ “ยุทธวิธี” เพื่อปรับตัวท่ามกลางความสถานการณ์ความขัดแย้งที่แหลมคมในขณะนี้
ส่วนจะฟังหรือไม่ ก็ต้อง “จับตา” ดูกันต่อไปเท่านั้น !
