'ธีรยุทธ'ฟันธง!ม็อบดันปฏิรูปเหลว
'ธีรยุทธ'ฟันธง!ม็อบดันปฏิรูปเหลว เหตุไม่มีพลังสังคม'ต่อรอง-ตรวจสอบ-ถ่วงดุลอำนาจ'ที่เข้มแข็ง ชี้ปัญหาชาวนาเป็นบทสะท้อนตัวเร่ง
ที่โรงเเรมเอเชีย ราชเทวี เมื่อเวลา14.00น. วันที่ 14 ก.พ.2557 เครือข่ายผู้รับใช้การปฏิรูปประเทศโดยสันติของประชาชนไทยจัดเวทีรีสตาร์ทประเทศไทย ครั้งที่ 2 หัวข้อ "จากทุกข์ของชาวนาไทย สู่การปฏิรูปประเทศ"นั้น นายธีรยุทธ บุญมี ประธานสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฯ กล่าวช่วงหนึ่งว่า ปัญหาของชาวนาที่เกิดขึ้นทำให้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องให้เกิดการปฏิรูป โดยมีภาคส่วนของสังคมเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งในประเด็นการคานอำนาจของฝ่ายการเมืองและข้าราชการ รวมถึงกลุ่มทุน โดยที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาเพราะไม่มีพลังทางสังคมที่เข้มแข็งในการต่อรอง ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ
"ถ้าให้ค่าเฉลี่ยคนที่ออกมาและต้องการให้เกิดการปฏิรูปรอบนี้จริงๆ จำนวน 5 ล้านคน ที่ต้องการปฏิรูปความเสื่อมของสังคม ปฏิรูปรัฐบาล แต่วันนี้ก็ยังไม่สามารถให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมได้ เพราะตนมองว่าการชุมนุมรอบนี้ไม่เป็นพลังที่แท้จริง เป็นเพียงการแสดงสัญลักษณ์ ทั้งนี้สังคมจะเข้มแข็งได้ต้องมีพลังคนที่ถือเป็นพลังสำรองที่คอยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาตลอดเวลา แต่รอบ 10 ปีที่ผ่านมาไม่มีพลังดังกล่าว จึงทำให้เมื่อเกิดความร้ายแรงสังคมจึงไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้" นายธีรยุทธ กล่าว
ด้านนพ.พลเดช ปิ่นประทีป ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวรายงานความคืบหน้าของการทำงานว่า ทางเครือข่ายฯ ได้มีเตรียมความพร้อมต่อการปฏิรูประยะยาวไว้แล้ว แต่ยังมีข้อกังวลว่าเมื่อไรรัฐบาลที่ชั่วร้าย รัฐบาลที่โกงกิน จะพ้นจากอำนาจ และเปิดทางให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริงๆ เพราะหากสถานการณ์ยังเป็นเหมือนปัจจุบัน ที่อยู่ในภาวะอึดอัด การปฏิรูปไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้ ทั้งนี้ตนคิดว่าประเด็นของชาวนาจะช่วยให้เกิดคำตอบและกระตุ้นให้สังคมระดมความคิดที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านในจุดดังกล่าวไปได้
แนะทำเกษตรทฤษฎีใหม่แก้ปัญหาชาวนา
นายอภิชัย พันธเสน คณบดีคณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และผู้อำนวยการสถาบันการจัดการเพื่อชนบทและสังคม กล่าวว่า สิ่งที่จะแก้ไขปัญหาของชาวนาได้ คือ ต้องให้ชาวนามีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง และต้องมีการส่งเสริมให้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการไม่บิดเบือนกลไกตลาดอ และการพัฒนาคุณภาพผลผลิตที่เหมาะสมเพื่อยกระดับของการแข่งขัน ทั้งนี้ในประเด็นการปฏิรูปชาวนาที่ผ่านมามีการศึกาษาไว้เป็นจำนวนมาก อาทิ การจัดสรรที่ดินให้พอเพียง, การเก็บภาษีที่ดิน, จำกัดการถือครองที่ดินไม่เกินคนละ 50 ไร่ , ตั้งธนาคารที่ดินเพื่อจัดสรรให้ชาวนา , ออกโฉนดชุมนุม แต่ข้อเสนอต่างๆ ยังไม่สามารถทำให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมได้
นายอภิชัย กล่าวด้วยว่าขณะนี้มีชาวนาร้อยละ 85 ที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง อีกทั้งครอบครัวชาวนายังมีรายได้ไม่เพียงพอ โดยรายได้ที่เพียงพอ คือ 1.2 แสนบาทต่อปีต่อครอบครัว เมื่อหักต้นทุนการผลิตแล้ว ดังนั้นวิธีที่จะทำได้ คือ การประกันราคาข้าวให้กับชาวนา แต่หากไม่สามารถให้รายได้ให้ดับเกษตรกรเพียงพอ ก็ต้องส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือการปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย
ด้านนายวิชัย ศรีประเสริฐ นายกกิตติมศักดิ์ผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวในเวทีเดียวกัน ในหัวข้อผู้ส่งออกจะช่วยวิกฤตจำนำข้าวอย่างไร ว่า การจำนำข้าวพ่อค้าจะให้ราคาสุทธิ์ได้ 9,500 บาทต่อเกวียน จากราคาที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 15,000 ต่อเกวียน ซึ่งในทั่วโลกไม่มีใครให้ราคาสูงดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามสถิติการขายข้าวของประเทศไทยรอบ 2 ปีที่ผ่าน ช่วงที่รัฐบาลทำโครงการรับจำนำข้าวทำให้รายได้จากการขายข้าวลดลงไป 31 เปอร์เซ็นต์ หรือรวมเป็นมูลค่ามากถึงแสนล้านบาท เพราะราคาข้าวสูงจึงทำให้ปริมาณการขายลดต่ำลง สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเป็นความผิดพลาดด้านราคาที่มีการแทรกแซงกลไกระบบตลาด สิ่งที่จะแก้ไขได้ คือ อย่าให้พ่อค้าหรือรัฐบาลเข้าไปผูกขาด ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
ปฏิรูปประเทศที่กว้างใหญ่เริ่มต้นจากตัวเรา
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผช.อธิการบดี ผอ.หลักสูตรปริญญาโท สันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก Hansa Dhammahaso ความว่า รับนิมนต์คณะกรรมการจัดงานมาฆบูชา ไปร่วมอภิปรายในหัวข้อ "โอวาทปาติโมกข์กับบาทฐานในการปฏิรูปประเทศ" ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ประเทศในความหมายที่นำเสนอคือ "กายกว้างศอก ยาววา หนาคืบ" การปฏิรูปประเทศที่กว้างใหญ่ เราทุกคนควรเริ่มจากการปฏิรูปกาย วาจา และใจของตัวเอง ให้ทำดีด้วยการไม่เบียดเบียน และทำร้ายคนอื่น การพูดดีคือการไม่ว่าร้ายโดยการส่อเสียด คำหยาบ และดูหมิ่น และการคิดดีโดยการอดทนต่อสิ่งที่เข้ามากระทบแล้วไม่กระเทือน ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการปฏิรูปตามกรอบหลักการของพระพุทธศาสนาคือ "ศีล สมาธิ และปัญญา" นั่นเอง

