เอกชน เชื่อรัฐบาลใหม่ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ได้แค่ครึ่ง

ดร.ธนวรรธน์ ชี้สังคมไม่ควรกดดัน พท.ให้เร่งดำเนินการตามนโยบายเร็วเกิน ระบุต้องเปิดโอกาส ให้เวลาได้คิด ขณะที่ผลสำรวจเอกชนจี้ยกระดับแก้ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นวาระแห่งชาติ ห่วงค่าแรง 300 บ.-จำนำข้าว
วันที่ 6 กรกฎาคม หอการค้าไทย ร่วมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดแถลงข่าว “ความความหวังของธุรกิจต่อรัฐบาลชุดใหม่” พร้อมเปิดผลสำรวจทัศนะของผู้ประกอบการต่อนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจไทยหลังเลือกตั้ง ณ อาคารจุลินทร์ ล่ำซำ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนราชบพิธ โดย ดร.ยาใจ ชูวิชา ประธานคณะจัดทำผลสำรวจความคิดเห็นประเด็นธุรกิจ ผศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมแถลง
ดร.ยาใจ กล่าวถึงผลสำรวจว่า เป็นการสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการ 820 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2554 โดยพบว่า ภาค เอกชนและผู้ประกอบการกว่า 43.6% เชื่อว่า รัฐบาลชุดใหม่สามารถทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ได้ครึ่งหนึ่ง ทำได้มากกว่าครึ่งมีอัตราผู้ตอบ 35% ในด้านความต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งแก้ไข 5 อันดับแรก คือ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ร้อยละ 24.2 ปัญหาคอร์รัปชั่น 21.2 ปัญหาด้านต้นทุนการผลิตสูง 19.5 ปัญหาค่าครองชีพ 16.8 และการเพิ่มรายได้ของประชาชน 6.5
“เมื่อถามว่า ประเทศไทยควรมีการจัดทำวาระแห่งชาติหรือไม่ พบว่า 89.9% คิดว่าควรทำ โดยเรื่องที่ควรยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติมากที่สุด คือ ความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนที่มีความความกังวลในการใช้นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่มากที่สุด 8.5 คะแนน คือ งบประมาณที่จะใช้ตามนโยบาย รองลงมาคือ นโยบายของรัฐบาลเป็นประชานิยมมากเกินไป 8.4 คะแนน การบิดเบือนราคาสินค้าเกษตร 8.3 คะแนน”
ขณะที่ ผศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวว่า ในส่วนนโยบายที่เป็นประโยชน์มากน้อยเพียงใดและสามารถจะทำให้สำเร็จได้หรือไม่ ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการมองว่า นโยบายสร้างความปรองดองในสังคมให้ดีขึ้นจะเป็นประโยชน์ 9.95 คะแนน แต่จะสามารถสำเร็จได้ 7.25 คะแนน นโยบายแก้ปัญหาด้านสังคม เช่น แก้ไขปัญหายาเสพติดจะเป็นประโยชน์ 9.94 คะแนน แต่จะสามารถสำเร็จได้ 7.23 คะแนน นโยบายแก้ปัญหาคอรัปชั่น ได้อย่างเห็นเป็นรูปธรรมจะเป็นประโยชน์ 9.90 คะแนน แต่จะสามารถสำเร็จได้ 6.56 คะแนน ภาคเอกชนและผู้ประกอบการคาดหวังว่าใน 4 ปีที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ การขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจจะดีขึ้น 9.08 คะแนน ความขัดแย้งจะลดลงหรือไม่มีความรุนแรง 8.39 คะแนน คอรัปชั่นลดลง 8.15 คะแนน
สำหรับนโยบายที่ภาคเอกชนและผู้ประกอบการต้องการ ผศ.ดร.เสาวณีย์ กล่าวว่า มี 5 ประการ ได้แก่ 1.แก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในประเทศ 2.แก้ไขปัญหาการคอรัปชั่นอย่างจริงจัง 3.แก้ไขปัญหาค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม (รวมค่าแรงด้วย) 4.ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เน้นการกระจายรายได้ 5.กระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าอย่างมีเสถียรภาพ
“ช่วงที่กำลัง "แต่งตัว" เลือกคณะรัฐมนตรี เป็นช่วงที่มีความสำคัญ ภาคธุรกิจต้องการให้รัฐบาลเลือกคนที่มีคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีที่เหมาะสม มีความสามารถและมีประสบการณ์ตรงกับงานร้อยละ 44.2 เลือกบุคคลที่สังคมยอมรับ โดยไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ร้อยละ 30.4 เลือกบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตร้อยละ 22.3 และเลือกบุคคลที่ทำงานกับคนอื่นได้ดี มีชื่อเสียงร้อยละ 3.1 ซึ่งกระทรวงเศรษฐกิจที่ธุรกิจให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ กระทรวงการคลัง ร้อยละ 28.4”
ด้านผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า ทุกคนเชื่อว่าการเมืองจะมีเสถียรภาพ เมื่อรู้ผลการเลือกตั้งและเมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจบอกกับสังคมว่า จะเลือกคนที่มีความสามารถเข้ามาบริหารประเทศ และจะไม่ดำเนินการเรื่องนิรโทษกรรม และเน้นความปรองดองเป็นจุดแรก ซึ่งจะทำให้คนมั่นใจขึ้นว่าการเมืองจะมีเสถียรภาพ และทำให้นักธุรกิจมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น
“ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจฯ ยืนยันประเด็นเดิมว่า เศรษฐกิจ ไทยมีโอกาสโตได้มากถึง 4.5 – 5% และจะเอกชนสนับสนุนรัฐบาลในเชิงนโยบาย พร้อมเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น แต่ยังกังวลในเชิงปฏิบัติ ว่าจะใช้เงินมากเกินไป ประชานิยมเกินไป ตอบสนองกระแสสังคมระยะสั้นมากเกินไป จนละเลยการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศไทยในระยายาว สิ่งที่เอกชนเป็นห่วง คือ นโยบาย 300 บาท การจำนำราคาข้าว และการใช้งบประมาณ”
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า สังคมไม่ควรกดดันพรรคเพื่อไทยให้เร่งดำเนินการตามนโยบายจนเร็วเกินไป ต้องเปิดโอกาสและให้เวลาได้คิดอย่างละเอียด เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการเป็นการปรับโครงสร้างของประเทศใน ระยะยาว ทีมเศรษฐกิจของพรรคจะต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า นโยบายต่างๆ จะมีการใช้เงินอย่างไร นำรายละเอียดและการปฏิบัติมาให้เอกชนและประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ
อ่านเอกสารเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thaireform.in.th/2011-05-24-07-27-47/item/6090--chamber-business-poll-.html
