“จาตุรนต์”ยันเชือด"เซินเจิ้น"แน่! ประเดิมยึดหลักประกันแท็บเล็ต 120 ล.
“..ขั้นนี้ ยังอยู่ในขั้นแจ้งให้บริษัททราบสถานะของเรื่องว่าจะมีการยกเลิกสัญญาและฟ้องร้อง อายัด ริบเงินประกัน หลักประกัน เรียกค่าปรับ ส่วนเรื่องฟ้องร้อง ให้อัยการไปฟ้อง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ดังนั้น 120 ล้านบาทที่เป็นหลักประกันนี่ ยึดได้เลย ตอนนี้ สพฐ. ทำหนังสือแจ้งไปที่ธนาคาร ICBC ( ไอซีบีซี ) แล้ว”

การยกเลิกสัญญาจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ต วงเงิน 1,628 ล้านบาท ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับบริษัท เซินเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด จากประเทศจีน แม้จะผ่านพ้นมานานหลายสัปดาห์แล้ว
แต่จนถึงขณะนี้ ยังมีคำถามสำคัญหลายประการ ที่ผู้บริหารระดับสูง สพฐ รวมถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังไม่ได้ให้ความกระจ่างกับสาธารณชน
โดยเฉพาะบทลงโทษ ที่ บริษัท บริษัท เซินเจิ้น อิงถังฯ จะได้รับจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้!
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา ที่สำนักพัฒนาสมรรถนะและบุคลากรอาชีวะศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษา ภายหลังการแถลงข่าวภาพรวมโครงการจัดการเรียนการสอนโดยคอมพิวเตอร์พกพา ( แท็บเล็ต ) และการประชุมหารือเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ 2557 กับองค์กรหลักในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้กับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org โดยมีรายละเอียดดังนี้
@ ภายหลังจากที่ บริษัทเซินเจิ้น อิงถังฯ ยกเลิกสัญญาขายแท็ตเล็ต ทาง สพฐ. มีการดำเนินการฟ้องร้องบริษัทถึงขั้นตอนไหน
นายจาตุรนต์ ตอบว่า “มีการริบหลักประกัน มีการเรียกค่าปรับ เรียกค่าเสียหาย ขั้นต่อไปจะมีการฟ้อง”
@ หลักประกันที่บริษัทเซินเจิ้น อิงถังยื่นไว้ คืออะไร
นายจาตุรนต์ ตอบว่า “คือหนังสือค้ำประกันที่ธนาคารซึ่งเราสามารถยึดได้”
“ขั้นนี้ ยังอยู่ในขั้นแจ้งให้บริษัททราบสถานะของเรื่องว่าจะมีการยกเลิกสัญญาและฟ้องร้อง อายัด ริบเงินประกัน หลักประกัน ริบค่าปรับ ส่วนเรื่องฟ้องร้อง ให้อัยการไปฟ้อง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ดังนั้น 120 ล้านบาทที่เป็นหลักประกันนี่ ยึดได้เลย ตอนนี้ สพฐ. ทำหนังสือแจ้งไปที่ธนาคาร ICBC ( ไอซีบีซี ) แล้ว”
ก่อนจะย้ำว่า “ตัวเช็คเงินสด แบงค์การันตีก็อยู่ที่ สพฐ. เพราะฉะนั้น 120 ล้านบาทนี่ ยึดได้เลย อยู่ในมืออยู่แล้ว แต่ 108 ล้านบาทคือค่าปรับ ที่เราจะฟ้องเอาค่าปรับจำนวนนี้อีกต่างหาก”
@ การฟ้องร้องทางกฎหมาย จะทำอย่างไร
นายจาตุรนต์ ตอบว่า ได้แจ้งให้ทางบริษัทเซินเจิ้น อิงถัง ทราบแล้วและบริษัทเซินเจิ้น อิงถังก็รับทราบอยู่แล้ว
@ ก่อนหน้าที่จะลงนามในสัญญาว่าจ้าง ได้มีการตรวจสอบข้อมูล บริษัทเซินเจิ้นอย่างละเอียดมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากเจ้าหน้าที่บริษัทอิงถัง เทคโนโลยี ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ที่ตัวแทนเซินเจิ้น อิงถัง เคยขอร้องให้ช่วยเจรจากับเจ้าหน้าที่ สพฐ. กล่าวกับสำนักข่าวอิศราว่า โรงงานส่วนผลิตชิพของเซินเจิ้นอิงถัง ถูกไฟไหม้ก่อนที่จะเซ็นสัญญากับสพฐ. เพียงไม่กี่วัน
นายจาตุรนต์ตอบว่า “เรื่องไฟไหม้ ไม่ทราบ ทำไมถึงมีคำถามที่ผมตอบไม่ได้อยู่เรื่อย”
@ หากมีการตรวจสอบและพบว่าเกิดเหตุไฟไหม้ก่อนจะมาเซ็นสัญญาจริง ก็อาจสะท้อน ว่า คณะกรรมการ สพฐ. และผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มีการตรวจสอบความเป็นมาของ บริษัทดังกล่าวอย่างละเอียด
นายจาตุรนต์ ตอบว่า “ไม่ได้เป็นปัญหาลักษณะนั้น”
ก่อนจะอธิบายว่า บริษัทเซินเจิ้น อิงถัง ทำถูกตามกติกาทุกขั้นตอน และกระบวนการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนไม่มีการทุจริต และกล่าวถึงความรับผิดชอบในกรณีนี้ด้วยว่า ไม่ใช่ความผิด และไม่เป็นความรับผิดชอบของผู้จัดซื้อ
“บริษัทเซินเจิ้น อิงถังเขาก็เป็นคู่สัญญากับเราเรื่อยมา กระทั่งเขาทำตามสัญญาไม่ได้ก็เป็นปัญหา ในที่สุด เขาก็ยืนยันว่าเขาทำตามสัญญาไม่ได้ เขาก็ยกเลิก ไม่มีเรื่องทุจริต เคยมีการทักท้วง ก็ตรวจสอบทั้งหมดทุกอย่าง คือทุกอย่างเคลียร์หมด ไม่มีการทุจริต ไม่ว่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งการจัดซื้อ ประกวดราคา คณะกรรมการ นโยบาย ไม่มีประเด็นเรื่อง การทุจริต แต่มีปัญหาเรื่องความล่าช้าและสุดท้าย มีปัญหา เรื่องบริษัทที่ประมูลได้ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งก็มีกรณีแบบนี้ ในการก่อสร้างทางของอีกหลายกระทรวงที่ผู้ประมูลงานได้ทิ้งงาน ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ถามว่าพอผู้ประมูลได้แต่กลับทิ้งงาน เป็นความรับผิดชอบ เป็นความผิดของใคร ตามปกติ เขาไม่ถือว่าเป็นความผิดของผู้จัดซื้อ”
นายจาตุรนต์ ยังระบุด้วยว่า “ก็เป็นบริษัทของจีนมาเข้าประมูล เมื่อประมูลแล้วก็ได้ และเคยมีข้อสงสัย ทักท้วง ก็ตรวจสอบ ตรวจสอบแล้วก็เป็นไปตามระเบียบ ที่ผ่านมาเรื่องแท็บเล็ตก็เป็นแบบนี้ ตรวจสอบแล้ว บางกรณี บางส่วนเห็นว่าควรยกเลิก ข้าราชการบางส่วนก็ว่ายกเลิกไม่ได้ คณะกรรมการจัดซื้อก็ว่าเขาทำไม่ผิดกฎหมาย เมื่อไม่ผิดกฎหมายก็ดำเนินการกันใหม่”
@ ได้รับเสียงสะท้อนจากโรงเรียนสาธิตบางแห่งว่าแท็บเล็ตที่เคยได้รับ มีคุณภาพไม่ดี อยากให้มีการเปลี่ยนสเปกให้ดีกว่าเดิม นายจาตุรนต์ และสพฐ. จะมีการทบทวนเรื่องสเปกของแท็บเล็ตหรือไม่
นายจาตุรนต์ ตอบว่า “ตามกฎหมายจะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะถ้าเปลี่ยนจะเรียกค่าเสียหายเขาไม่ได้ เพราะถือว่าคนละสเปกกัน ถ้าคนละสเปกกัน เกิดแพงขึ้นมามากๆ เขาก็ไม่รับผิดชอบ"
"ส่วนกรณีล็อตนี้ ที่ยกเลิกสัญญาจะไม่เปลี่ยนสเปก แต่ในปีใหม่เราจะทำสเปกใหม่” นายจาตุรนต์กล่าวทิ้งทาย
