เปิดวรรคเพชร 'สามีตีตรา' ละครที่ให้มากกว่าคำว่า 'น้ำเน่า'

กลายเป็นปรากฏการณ์บนหน้าสื่อโซเซียลมีเดียอีกครั้ง ทันทีที่ ‘สามีตีตรา’ ผลงานประพันธ์ของทัศนีย์ คล้ายกัน หรือ นาวิกา ถูกหยิบยกขึ้นมารีเมคเป็นละครคุณภาพชายคาวิกพระรามสี่ ภายใต้การผลิตของเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง ‘แอน ทองประสม’ ที่เคยแสดงฝีไม้ลายมือไว้เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ในบทบาท ‘กั้ง’ จนสร้างความประทับใจมาแล้ว
เข้าสู่ปี 2557 ‘พลอย เฌอมาลย์’ ได้รับโอกาสให้สวมบท ‘กะรัต:กั้ง’ อีกครั้ง ต่อกลอนปะทะอารมณ์กับอดีตลูกหม้อกันตนา ‘จุ๋ย วรัทยา’ ในบทบาท ‘สายน้ำผึ้ง:ผึ้ง’ โดยมี ‘โป๊บ ธนวรรธน์’ พระเอกหนึ่งเดียวสวมบท ‘ม.ล.พิศุทธิ์’ เหมาะสมลงตัวอย่างไม่มีที่ติ ด้วยเรื่องราวการห้ำหั่นแย่งชิงรักระหว่างเพื่อนที่ซับซ้อน แลดูน้ำเน่าถูกจริตคนไทยจนร้อนฉ่าทุกองศา
แต่การที่ละครเรื่องหนึ่งจะโด่งดังกลายเป็น ‘ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์’ นับแต่ครั้งแรกที่ออกอากาศนั้น นอกจากพระนางที่ต้องตอบโจทย์คนดูแล้ว นักแสดงสมทบอื่น ๆ ก็ย่อมต้องเป็นมืออาชีพ ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ‘สามีตีตรา’ ตอบโจทย์ส่วนนี้ ไล่เรียงตั้งแต่สองศิลปินแห่งชาติ ‘พิสมัย วิไลศักดิ์’ และ สุประวัติ ปัทมสูต ตามมาด้วย ตั๊ก มยุรา, นกจริยา, ทูน หิรัญทรัพย์, ปวีณา ชารีฟสกุล, อ้น ศรีพรรณ, สันติสุข พรหมศิริ
เมื่อเทียบเคียงละครเรื่องอื่น ๆ ในอดีต เช่น แรงเงา, ดอกส้มสีทอง, มงกุฎดอกส้ม, คือหัตถาครองพิภพ, อีสา รวีช่วงโชติ, บ่วง, รอยไหม, เมืองมายา, ทองเนื้อเก้า หรือแม้แต่ดาวเรือง ละครเหล่านี้ล้วนมีการคัดสรรวางตัวนักแสดงให้ตรงกับบุคลิกของตัวละครในนวนิยายแต่ละเรื่องอย่างดีเช่นกัน ผลงานจึงมักออกมาประทับใจเสมอ
อย่างไรก็ตาม การจะมัดใจคอละครให้อยู่หมัดเฝ้าหน้าจอจนถึงตอนอวสานได้นั้น การเลือกบทประพันธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด หนีไม่พ้นเรื่องราวผัว ๆ เมีย ๆ ที่จะต้องมีอยู่เสมอ เพราะสิ่งนี้คือเรื่องราวที่มักเกิดขึ้นในชีวิตจริงของคนเรา แม้จะน้ำเน่ายากจนข้นแค้นเพียงใดก็ตาม แต่ในเมื่อคือความจริงก็ควรต้องยอมรับ
แต่การจะทำให้ละครที่ถูกตราหน้าว่า ‘น้ำเน่า’ มีคุณค่าสำหรับผู้ชมมากกว่าคำว่า ‘สะใจ’ ได้นั้น จะต้องสอดแทรกด้วยแง่คิดที่มักแฝงไว้ในคำพูดของตัวละครแต่ละตัว นำพาให้จิตใจได้ฉุกคิดทบทวนความชั่ว-ดีของมนุษย์ ซึ่งระยะหลังเห็นว่าผู้จัดมักจะใช้วิธีดังกล่าวมากขึ้น เพราะนั่นคือแก่นแท้ของการผลิตละครที่หวังจะจรรโลงให้สังคมบริสุทธิ์ และ ‘สามีตีตรา’ ก็คือหนึ่งในนั้น
ดังนั้นจึงขอคัดสรร ‘วรรคทอง’ มากลั่นกรองเป็น ‘วรรคเพชร’ เพื่อชี้นำให้คอละครได้นำมาใช้ในชีวิตตามบทบาทของแต่ละคน ซึ่งตลอดสองตอนแรกที่ออกอากาศ ยอมรับว่าหลายประโยคโดนใจ ได้แง่คิด เตือนสติอย่างดีทีเดียว
“กั้งพอเถอะลูก เจ้าภูก็ตายไปแล้วจะโกรธแค้นอะไรก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ฟังพ่อนะลูกอโหสิกรรมและก็ให้อภัย”
“หัดใช้สติบ้าง ใช้อารมณ์แบบนี้ชีวิตมันถึงได้พัง”
“ที่ชีวิตมันพังไม่ใช่เพราะกั้ง แต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวไม่รู้จักพอของผู้ชาย”
“ถ้าเราทำบ้านเราให้ร่มเย็น ก็คงไม่มีใครอยากจะย้ายหนีออกไปที่อื่นหรอก”
“คนรวยก็ใช่ว่าจะดี หาคนไว้ใจด้วยยาก”
“ความแค้นมันทำให้เกิดความทุกข์ แล้วเราจะแค้นไปทำไม”
“ธรรมชาติสร้างให้คนเรานั้นมีดวงตาอยู่ข้างหน้า ไม่ใช่มองแต่ข้างหลัง และธรรมชาติก็สร้างขาของเราให้ก้าวเดินต่อไป ไม่ใช่ย้ำอยู่กับที่ ธรรมชาติก็เช่นกันก็สร้างสมองของเราให้รู้จักคิดและจำ ในสมองของเราก็มีข้อมูลรกรุงรัง เหมือนกับห้องที่รก ไม่มีแม้แต่จะมีช่องว่างให้แสงผ่านเข้ามา ชีวิตโยมถึงได้มืดมนไงล่ะ”
“เราเป็นอะไรเราก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่จำเป็นต้องไปตามแก้ตัวกับคนอื่น”
“ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากความรัก มันทำให้คนพังพินาศได้เหมือนกัน”
“มันก็แค่ทะเบียนสมรส กระดาษแผ่นเดียวเท่านั้นแหละ มันจะสำคัญอะไรกันนักหนา...มัดใจผู้ชายด้วยทะเบียนสมรส พอมัดใจไม่ได้ ก็ต้องเอาทะเบียนมาเป็นโซ่ล่ามเขาไว้ แล้วเป็นไงล่ะ ตัวก็ไม่ได้ ใจก็ไม่ได้ ได้แต่กระดาษแผ่นเดียวนอนกอดไว้”
“ เด็กคนนี้มีความผิดอะไร ผึ้งมีสิทธิอะไรไปทำร้ายชีวิตเขา ถ้าผึ้งบอกว่าเด็กคนนี้เกิดมาด้วยความรักของผึ้ง ผึ้งก็ต้องรักเขา ดูแลเขาสิถึงจะถูก”
“ลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น แล้วเริ่มชีวิตใหม่ ไม่มีใครซ้ำเติมเราได้ เท่ากับเราซ้ำเติมตัวเอง”
เพราะโลกคือละคร...ฉากสุดท้ายต้องตายทุกตัวละคร
เป็นฉากที่สอนให้คนค้นพบตัวเอง .
ภาพประกอบ:www.youtube.com/watch?v=k8V6Jx0iQKU
twitter:@jibjoyisranews
