ผบ.ทบ.สั่งผวจ.สอดส่องการปลุกปั่น
"ประยุทธ์" ย้ำผวจ.ช่วยสอดส่องการปลุกปั่นปชช.ทุกกลุ่ม พร้อมประชุมร่วมแม่ทัพภาค ประเมินสถานการณ์ เลือกใช้ กม.ที่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรองผอ.รมน. เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ผอ.รมน.ภาค สอดส่องการชุมนุมของทุกกลุ่ม ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นกลุ่มใด และให้แม่ทัพภาคเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดประชุมประเมินสถานการณ์แต่ละภาคและจังหวัดที่มีความเห็นและปัญหาไม่เหมือนกัน เช่น ปัญหาพืชผลทางการเกษตร ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งแต่ละจังหวัดอาจมีหลายกลุ่ม รวมไปถึงให้ดูแลผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องของการชุมนุมแต่ละกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เช่น การเสียชีวิตของเด็กที่ จ.ตราด และราชประสงค์ พร้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัด วิเคราะห์และนำกฎหมายที่สามารถใช้ได้ ไปแก้ไขปัญหา และหาแนวทางการป้องกัน และให้ประเมินอีกครั้งว่าในพื้นที่รับผิดชอบ ควรใช้กฎหมายใดให้เกิดความสงบเรียบร้อย หรือต้องพิจารณาถึงการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ในการควบคุมสถานการณ์
พ.อ.บรรพต ยังกล่าวถึงกรณีที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ขึ้นเวทีของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่จ.นครราชสีมา โดยกล่าวถึงการแบ่งแยกประเทศ ว่า ส่วนตัวเห็นว่าไม่สามารถทำได้ และอย่าชี้นำสังคม เพราะไม่เกิดประโยชน์ ถือเป็นวาทะกรรมทางการเมืองที่นำไปพูดบนเวที เพื่อปลุกระดมมวลชน จึงอยากให้ประชาชนมีวิจารณญาณในการรับฟังข่าวสาร เพราะสังคมต้องอยู่ร่วมกันด้วยกฎกติกา และกฎหมาย ต้องเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ยังไม่อยากให้เกิดลัทธิการลอกเลียนแบบ
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ออกมาแถลงการณ์ต่อต้านการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) พ.อ.บรรพต กล่าวว่า กลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย มีหลายกลุ่ม และแบ่งเป็นกลุ่มย่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่ตัวแทนของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยทั้งหมด ถือว่าเป็นแค่การรวมตัวเพื่อแสดงกิจกรรมทางการเมือง เนื่องจากกลุ่มได้สลายไปแล้ว เมื่อถามถึงกรณีที่พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ออกมายอมรับว่า กลุ่มก่อเหตุรุนแรงรายวันสุ่มเสี่ยงยกระดับเป็นกลุ่มก่อการร้ายนั้น พ.อ.บรรพต กล่าวว่า กอ.รมน.มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ที่เปราะบาง มากกว่าเป็นการก่อการร้าย แต่สถานการณ์ใดจะเข้าข่ายการก่อการร้าย หรือไม่ ต้องไปดูในกฎหมายอาญา.

