ไฟเขียว!"ปู"ส่งทนายดูหลักฐานคดีจำนำข้าว แต่ห้ามเกิดเหตุ"คุกคาม"อีก
ป.ป.ช. ยื่นเงื่อนไข "ยิ่งลักษณ์" มอบอำนาจทนายความตรวจดูพยานหลักฐานคดีจำนำข้าวแทนได้ จากเดิมที่ต้องมาดำเนินการเอง แต่นายกฯต้องสั่งการห้ามกลุ่มมวลชน ข่มขู่ ขัดขวาง คุกคามการไต่สวนคดีเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการอีก

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าการไต่สวนคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ ว่า ตามที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 4 มีนาคม 2557 ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขออนุญาตตรวจพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้ทนายความผู้รับมอบอำนาจได้เข้าตรวจดูพยานหลักฐานแทน และให้เหตุผลในคำร้องว่า เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่อยู่ในสภาวะไม่ปกติ และมีกลุ่ม กปปส. ประกาศว่า จะไล่ล่าตัวรักษาการนายกรัฐมนตรี จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยและความสงบ หากต้องเดินทางมา ด้วยตนเองนั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557 ให้สำนักงาน ป.ป.ช. มีหนังสือ แจ้งไปยังรักษาการนายกรัฐมนตรีภายในวันนี้ ว่า อนุญาตให้ทนายความผู้รับมอบอำนาจสามารถมาตรวจสอบพยานหลักฐาน แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นในระหว่างขอตรวจพยานหลักฐาน เช่น การข่มขู่ ขัดขวาง คุกคามจากกลุ่มมวลชนให้ยุติการไต่สวนรักษาการนายกรัฐมนตรี ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยุติการอนุญาตให้ตรวจพยานหลักฐานดังกล่าวทันที
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เหตุผลประกอบมติดังกล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากประธานวุฒิสภาให้ส่งคำร้องขอให้วุฒิสภาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายและกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีเหตุควรสงสัยว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว โดยเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้ง ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการตามอำนาจหน้าที่
และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะองค์คณะไต่สวนได้ มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ให้มีหนังสือเรียกน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหามาพบและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบตามระเบียบไต่สวนการทุจริตเกี่ยวกับโครงการ รับจำนำข้าว ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา
ตลอดเวลาดังกล่าวได้มีกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาชน (กวป.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมมวลชนประมาณ 200 คน รวมตัวกัน ปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. โดยใช้โซ่คล้องพร้อมล็อกกุญแจประตูด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ห้ามรถและเจ้าหน้าที่ เข้า-ออกเด็ดขาด มีการเตรียมการเทปูนกีดขวางประตู และปีนรั้วเข้ามาภายในสำนักงาน ป.ป.ช. อันถือว่า เป็นความผิดฐานบุกรุก และปิดถนนการจราจรฝั่งด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ช่องทางขาออกมุ่งหน้าถนนติวานนท์ พร้อมตั้งเวทีปราศรัยโดยมีการปักหลักค้างคืน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2557 เพื่อ ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ยุติการไต่สวนคดีทุจริตการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเรียกร้องให้กรรมการ ป.ป.ช. ลาออก และในวันที่ 4 มีนาคม 2557 มีการขว้างระเบิดจากรั้วฝั่งด้านตะวันออก ซอยนนทบุรี เข้ามาภายในสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ แม้การชุมนุมจะยุติไปแล้ว แต่แกนนำก็ยังยืนยันที่จะมาปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. อีก หากกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ลาออกจากตำแหน่งภายในเวลาที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ โดยปกติในทางปฏิบัติรักษาการนายกรัฐมนตรีต้องเดินทางมาขอตรวจพยานหลักฐานด้วยตนเองเช่นเดียวกับคดีกล่าวหาบุคคลอื่น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการไต่สวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2555 ข้อ 40 ที่ผู้ถูกกล่าวหาอาจยื่นคำร้องขอเป็นหนังสือพร้อมด้วยเหตุผล ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อขอตรวจพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการชี้แจง ข้อกล่าวหาได้
ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้แล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า เมื่อรักษาการนายกรัฐมนตรีประสงค์จะขอให้ทนายความผู้รับมอบอำนาจเข้ามาตรวจพยานหลักฐานแทนตน รักษาการนายกรัฐมนตรีก็จะต้องดำเนินการสั่งการมิให้มีเหตุการณ์ชุมนุม ข่มขู่ ขัดขวาง คุกคามในการปฏิบัติหน้าที่และการไต่สวนคดีดังกล่าวของเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการ ป.ป.ช. อย่างเด็ดขาด
