“ทยา” โพสต์ข้อความใหม่ "เจ็บปวดที่สุดในชีวิต"หยุดเคลื่อนไหวกับกปปส.
“ทยา” โพสต์ข้อความใหม่ รับเป็นการตัดสินใจเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ประกาศเว้นวรรคความเคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมกับกลุ่ม กปปส. เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เหตุคุณแม่ เด็กโรงเรียนศรีวิกรม์ ถูกปองร้าย แต่ไม่มีทางเลือก กราบขอโทษ "มวลมหาประชาชน – นักสู้ทุกคน"
จากกรณี นางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อว่า “Taya Teepsuwan” ประกาศเว้นวรรคความเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อแสดงความรับผิดชอบเหตุการณ์ที่ถูกคุกคามทั้งบ้านพักของแม่ตน รวมถึงที่โรงเรียนศรีวิกรม์
โดยระบุว่า “จากเหตุการณ์รุนแรงต่างๆด้วยอาวุธสงครามที่บ้านเขาใหญ่ของคุณแม่ ที่บ้านพักและการคุกคามโรงเรียนศรีวิกรม์ตลอดระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการกระทำของดิฉัน ดิฉันเสียใจต่อผู้ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด และมีความกังวลใจต่อความปลอดภัยของบุคคลรอบข้างเป็นอย่างมาก หลังจากที่ได้ใช้เวลาทบทวนทุกอย่างแล้ว จึงขอตัดสินใจที่จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการเว้นวรรคความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยหวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการปกป้องคุณแม่และบุคคลรอบข้างโดยเฉพาะเด็กนักเรียนจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลในเฟซบุ๊กส่วนตัว ของ นางทยา ทีปสุวรรณ ดังกล่าว พบว่า มีกลุ่มผู้สนับสนุน นางทยา เข้าไปโพสต์ข้อความให้กำลังใจจำนวนมาก
ขณะที่นางทยา ได้โพสต์ข้อความใหม่ แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้อีกครั้ง โดยระบุว่า “เป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดที่สุดค่ะ แต่ชีวิตไม่ได้เป็นของเราคนเดียว หากคุณแม่หรือเด็กๆที่ไม่เกี่ยวข้องต้องถูกทำร้ายเพราะเราเป็นต้นเหตุ เราคงให้อภัยตัวเองไม่ได้เหมือนกัน กราบขอโทษมวลมหาประชาชน และนักสู้ทุกคน คุณณัฏฐพล (สามี) ยังคงถวายชีวิตต่อการต่อสู้ครั้งนี้ ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้ลุงกำนัน แกนนำทุกคน และมวลมหาประชาชนทุกชีวิตนำชัยชนะมาให้ประเทศชาติให้จงได้ ดีใจและภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ค่ะ”
อนึ่ง สำหรับเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ทั้งที่บ้านพักเขาใหญ่และโรงเรียนศรีวิกรม์ เกิดเหตุหลังจากเหตุที่ นางทยา และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ได้เป่านกหวีดใส่ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง จนเป็นข่าวโด่งดัง