อีเมล์ฉาว “เลี้ยงนักข่าว” พ่นพิษ ปชป.ยื่น กกต.หว้งยุบเพื่อไทย
จากกรณีอีเมลล์ฉาว “วิมเลี้ยงนักข่าว” โปรโมทพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบทั้งนักการเมืองและนักข่าวที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด ส.ส.ประชาธิปัตย์ยื่น กกต.ตรวจสอบ หวังผล “ยุบพรรคเพื่อไทย”
“บุญยอด” ร้อง กกต.ตรวจสอบ “อีเมล์ฉาว”- ยุบเพื่อไทย
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.ระบบบัญชี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในวันที่ 11 กรกฎาคม 2554 กรณีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(อีเมล์)ในชื่อนายวิม รุ่งวัฒนจินดา(ผู้ถูกร้องที่1) กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และผู้สมัครรับเลือกตั้งในแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 108 อ้างว่าได้เลี้ยงนักข่าว คอลัมน์นิสต์ทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หลายคนเพื่อให้นำเสนอข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อโดย ขอให้ กกต.ดำเนินการกับพรรคเพื่อไทย ดังนี้
1. สอบสวนเพื่อสั่งการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายวิม และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกราย ตาม มาตรา 53(1),(4) มาตรา 60 ประกอบมาตรา 103 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มา ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.255จ
2. ร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีอาญากับนายวิม และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายตาม มาตรา 137 ประกอบมาตรา 53(1),(4) และมาตรา 147 ประกอบมาตรา 60 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มา ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ฯ
3. สอบสวนเพื่อเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคเพื่อไทย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทุกราย ด้วยเหตุว่าพรรคเพื่อไทย กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไป ตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ใน ทั้งนี้ตามมาตรา 103 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ฯ
ย้อนรอยอีเมลล์ฉาวจากเพื่อไทย “[email protected]”
สำหรับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวมีใจความสรุปว่า ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2554 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2553 อันเป็นการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป
แต่ปรากฏว่าในวันที่ 30 มิถุนายน 2554 สื่อมวลชนได้ลงข่าวโดยบรรยายเหตุการณ์ในสาระสำคัญว่า เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2554 นายวิม รุ่งวัฒนจินดา ได้ส่งจดหมายอิเลคทรอนิกส์ (e-mail) จากที่อยู่จดหมายอิเลคทรอนิกส์ [email protected] ถึงที่อยู่จดหมายอิเลคทรอนิกส์ [email protected] ของนายพงศ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล เนื้อหาในสาระสำคัญว่า
“จากสถานการณ์ทางด้านกระแสสื่อที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สถานการณ์คุณปูยังอยู่ในภาวะที่ดีมาก…สำหรับหน้าที่ที่ผมและน้องสุธิศา รับผิดชอบช่วยคุณปูอยู่ในขณะนี้…
2.เช็คประเด็นจากสื่อมวลชน ว่าจะถามอะไรคุณปู เพื่อให้คุณปู เตรียมตัวให้พร้อมที่จะพูด
3.สร้างประเด็น หรือ ภาพกิจกรรมในพื้นที่หาเสียงเพื่อให้ได้ภาพหน้า 1 ทุกวัน
4.ประสานหัวหน้าข่าว และ โต๊ะข่าวการเมืองว่าต้องการภาพแบบไหน เพื่อส่งให้ทุกวัน
5.ประสานสำนักข่าวต่างประเทศเพื่อให้ตามคุณปู ลงพื้นที่เพื่อให้ข่าวคุณปูออกไปทั่วโลก
6.ประสานสำนักข่าวในประเทศเพื่อให้พรรค (คุณนิวัตธำรง) จัดบุคคลไปตามคำถามในทีวี…ส่วนเรื่องดูแลสื่อในขณะนี้ ผม พยายามประคองกระแสให้ข่าวและรูปของคุณปูอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ได้ทุกวัน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์หัวสี ไทยรัฐ (…) มติชน (…..) ข่าวสด (…) เดลินิวส์ (……) คม-ชัด-ลึก (……. )ที่มาสัมภาษณ์ที่ที่บ้านเมื่อสัปดาห์ก่อน) ซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ผมช่วยดูแลไปแล้วที่ละ 2 หมื่น ส่วนผู้สื่อข่าว ทีวีก็ใช้วิธีเลี้ยงข้าวบ้าง เลี้ยงเหล้าบ้าง ยังไม่ได้มีใครเรียกร้องอะไร ยกเว้นช่อง 7 ที่ขอไวน์ และเหล้า ส่วนเวลาไปต่างจังหวัด พี่สุณีย์ ก็ให้บ้าง ส่วนที่พรรคไม่เคยให้เลย เคยบอกพี่สาโรจน์ไปแล้ว แต่ก็ไม่มีคำตอบ…
วิม รุ่งวัฒนจินดา-สื่อในเมล์ฉาว ชี้แจง
ข้อเท็จจริงดังกล่าวนายวิม ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวยอมรับว่าอีเมล์แอดเดรสที่ใช้เป็นของพรรคเพื่อไทยที่ใช้ส่งกำหนดการลงพื้นที่ปราศรัยของพรรคเพื่อไทย
ยังปรากฏว่าผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์คมชัดลึก นายปรีชา สอาดสอน ที่ปรากฏชื่อในข้อความอีเมล์แอดเดรสดังกล่าว ได้ออกมาแถลงข่าวยอมรับว่าตนรู้จักกับนายวิม โดยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเพราะเล่นกอล์ฟกลุ่ม(ก๊วน)เดียวกัน และนางฐานิตะญาณ์ ธนพิศุทธิ์กุล ก็เช่นกันยอมรับว่าตนเคยพบกับนายวิม รายละเอียดปรากฏตามสำเนาข่าว หัวข้อข่าว “เราพร้อมให้ตรวจสอบ กรณีถูกพาดพิงการทำหน้าที่สื่อ” วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 จากเว็บไซต์คมชัดลึก ที่มา http://www.oknation .net/blog/komchadluek/2011/06/30/entry-1
กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าชื่อนักข่าวที่ปรากฏในเนื้อความจดหมายอิเลคทรอนิกส์ของนายวิม ดังกล่าวนั้น นักข่าวดังกล่าวมีตัวตนอยู่จริง
นอกจากนั้นเมื่อพิจารณาจากถ้อยคำในจดหมายอิเลคทรอนิกส์ของนายวิม ที่ปรากฏตามสื่อมวลชนลงข่าวว่า “…ผมเห็นว่า ประเด็นนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เพื่อไทยและคุณปูชนะอย่างยิ่งใหญ่ ก็คือ “ผมอยากให้ท่านนายกทักษิณ ประกาศ หรือ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ผมจะยังไม่กลับประเทศไทย เพราะผมไม่ต้องการให้รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ต้องอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจ ผมจะกลับประเทศไทยก็ต่อเมื่อผมเห็นสัญญาณแห่งการปรางดองเกิดขึ้น…” นั้น
“ทักษิณ” ให้สัมภาษณ์ “มีสัญญาณปรองดองค่อยกลับไทย”
ต่อมาปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์และสื่อมวลชนนำไปลงข่าวว่า “…สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อมางานแต่งงานของ เอม พินทองทา ชินวัตร ลูกสาวนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนอยากกลับบ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่การมางานแต่งงานของลูกเป็นความปรารถนาของพ่อ แต่ความปรารถนานี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็แล้วแต่สถานการณ์…ทักษิณ กล่าวต่อ “สิ่งที่แรกที่ปูต้องทำหากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ ต้องคุยกับอาจารย์ คณิต ณ นคร เรื่องปรองดองให้ตรงไปตรงมา รีบแก้ไขปัญหาเรื่องของแพง และเศรษฐกิจ รวมถึงจัดการระเบียบราชการให้เข้าที่เข้าทาง กรณีเรื่องการกลับบ้านนั้น ตนก็ควรเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบของการปรองดอง แต่ถ้าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาก็ไม่กลับ…”
และ “…ส่วนที่เคยเอ่ยปากว่า จะกลับประเทศไทย เพื่อร่วมงานมงคลสมรส ของ นางสาวพินทองทา ชินวัตร ลูกสาวในปลายปีนี้นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เป็นความปรารถนาของผู้ที่เป็นพ่อ แต่ทั้งนี้ก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ซึ่งหากกลับไปร่วมงานไม่ได้ ลูกสาวก็สามารถ เดินทางมาหาตัวเองได้ ซึ่งพร้อมยอมรับสถานการณ์ และอดทนในสิ่งที่เกิดขึ้น หากกลับประเทศไทยแล้ว อาจเกิดปัญหาตามมา ตัวเองอาจจะ ยังไม่กลับ หรือเลื่อนการกลับประเทศไทยได้ อย่างไรก็ดี ไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวเป็นหลัก…”
ชี้ความผิดตามมาตรา 2 พ.ร.บ.เลือกตั้ง
การกระทำของนายวิม ตามที่สื่อมวลชนได้ลงข่าว เป็นการต้องห้ามตามตัวบทกฎหมายหลายบทหลายกระทง ดังนี้
1.การประสานนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยวิธีการประสานงานวิธีการต่างๆ รวมถึง การดูแลสื่อ นักข่าว โดยวิธีการเลี้ยงอาหาร เหล้า เพื่อให้ “คุณปู” (ซึ่งหมายถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) และพรรคเพื่อไทย โดย “นายนิวัตธำรง” (ซึ่งหมายถึงนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 21) ได้มาซึ่งเวลาในการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ดังกล่าว เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรฯ และต้องห้ามตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องหลักเกณฑ์และระยะเวลาการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งและการออกอากาศทางวิทยุ กระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ที่ห้ามมิให้ผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือบุคคลใด ทำให้ได้มาซึ่งเวลาออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ เพื่อให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองโฆษณาหาเสียง
2. การกระทำของนายวิมตามข่าว เป็นให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ แก่นักข่าวของหนังสือพิมพ์ และสถานีโทรทัศน์ต่างๆ และยังเป็นการเลี้ยงอาหาร เลี้ยงสุรา แก่บุคคลต่างๆ ซึ่งได้กระทำลงในช่วงที่มีกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๕๔ ซึ่งในขณะนั้นนายวิม ก็เป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยแบบบัญชีรายชื่อ และยังเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย กรณีมีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อได้ว่าเป็นการให้เงิน ทรัพย์สิน และจัดเลี้ยงเพื่อจูงใจให้ผู้ได้รับเงิน ทรัพย์สิน และรับการจัดเลี้ยงดังกล่าวลงคะแนนให้แก่ตนเอง และพรรคเพื่อไทย จึงเป็นการต้องห้ามตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ
3. นอกจากนั้นการกระทำดังกล่าวของ นายวิมตามที่สื่อมวลชนได้ลงข่าว ส่งผลให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ตามมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ
……………………………..
เมื่อนายวิม ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เป็นผู้กระทำความผิดและทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กรณีดังกล่าวจึงต้องถือว่า “พรรคเพื่อไทยเป็นผู้กระทำการ” เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไป ตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ใน ทั้งนี้ตามมาตรา 103 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ .
ที่มาภาพบางส่วน : http://spotlightplanning.wordpress.com/