เรียนรู้การบริหาร “วงโยฯ” แบบมืออาชีพ! "หากไม่พร้อม ไม่มีเงิน เราไม่ไป"
“..หากไม่พร้อม เราไม่ไป และเมื่อกลับมาแต่ละครั้ง เราจะประเมินผลว่าการแสดงของเรามีปัญหาอะไรบ้าง เด็กได้รับประสบการณ์อะไรกลับมา และเราจะทำแผนพัฒนาล่วงหน้า 3 ปี เพื่อรองรับการแข่งขันครั้งต่อไป เราวางแผนทั้งในเรื่องคุณภาพเครื่องดนตรี เรื่องการหาสปอนเซอร์ การจัดการฝึกซ้อม ในท้ายที่สุด แม้จะพร้อมแค่ไหน แต่หากมีปัญหาไม่มีเงิน เราก็ไม่ไป.."

จากกรณีคลิปเสียงผู้บริหารโรงเรียนร่วมวางแผนหางบประมาณเดินทางไปแข่งขันต่างประเทศ ของวงโยธวาทิตโรงเรียนสตรีวิทยา 2 เผยแพร่สู่สาธารณะ โดยผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการ คณาจารย์อื่นๆ รวมทั้งอาจารย์ผู้ควบคุมวงยังไม่ออกมาอธิบายให้สังคมกระจ่าง
นอกจากที่ ผอ.กล่าวเพียงยอมรับว่าเป็นเสียงตน และจากนี้จะให้ทนายดำเนินการรวบรวมหลักฐานต่างๆ ขณะที่กลุ่มสมาคมศิษย์เก่ามีกิจกรรมเคลื่อนไหวล่ารายชื่อให้มีการย้าย ผอ. ด้านผู้ควบคุมวงและตัวแทนวงโยฯ ก็ขอโทษสังคมผ่านสื่อสารมวลชนหลากหลายแขนงที่คอยติดตามทำข่าว
ขณะที่ประเด็นสำคัญคือปัญหาในการบริหารจัดการของวงโยฯ วงนี้ คล้ายจะถูกลืมเลือน
เพื่อหาคำตอบว่าหากวงโยธวาทิตวงหนึ่ง ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเดินทางไปแสดงศักยภาพในต่างแดน พวกเขาต้องมีการบริหารจัดการอย่างไรบ้าง
เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้มีโอกาสสัมภาษณ์นายอดุลย์ เปลื้องสันเทียะ อาจารย์ผู้ควบคุมวงโยธวาทิตของโรงเรียนสุรนารีวิทยาเจ้าของแชมป์การแข่งขันวงโยธวาทิตที่จัดโดยกรมพละศึกษา และเคยได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันวงโยธวาทิตประเภทมาร์ชชิ่ง ในรายการ World Music Contest 2009 ก่อนคว้ารางวัลชนะเลิศ Top of The World Championship ประเภทดิสเพลย์ ในการแข่งขัน เวิลด์ มิวสิค คอนเทสต์ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ.2552ซึ่งแม้ปีล่าสุด คือปี 2556 พวกเขาจะพลาดแชมป์ แต่คะแนนของพวกเขาในการแข่งขันประเภทดิสเพลย์ที่เคยทำไว้ในปี 2552 สูงถึง 95 คะแนน ก็ยังคงเป็นสถิติโลกที่ยังไม่มีใครโค่นลงได้
อาจารย์อดุลย์ ให้สัมภาษณ์ถึงระบบการบริหารจัดการวงโยธวาทิตของโรงเรียนสุรนารีวิทยา เริ่มตั้งแต่การวางแผน การเตรียมการ และเป้าหมายในการแข่งขันระดับโลก
เรื่องนี้ น่าสนใจอย่างไร ติดตามได้นับจากบรรทัด นี้เป็นต้นไป
@เวทีระดับโลก จำเป็นไหมต้องไปทุกปี
อาจารย์อดุลย์ เล่าให้ฟังว่า โรงเรียนสุรนารีวิทยาให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของวงโยธวาทิต ของโรงเรียน นำเด็กๆ ไปแข่งขันที่เวที เวิลด์ มิวสิค คอนเทสต์ ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มานับตั้งแต่ ปี พ.ศ.2532 กระทั่ง ปัจจุบัน
“เวทีดังกล่าว จัดขึ้น 4 ปี ครั้ง และโรงเรียนสุรนารีฯ มุ่งไปที่การแข่งขันแห่งนี้เพียงแห่งเดียว ด้วยเงื่อนระยะเวลาอันเหมาะสม ไม่ถี่จนเกินไป เด็กๆ มีเวลาฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ครูก็มีระยะเวลาในการวางแผนงาน ทั้งในด้านการฝึกซ้อม การเตรียมการ การพัฒนาศักยภาพของเด็กๆ และที่สำคัญคือ การเตรียมความพร้อม เรื่องการหางบประมาณสนับสนุน การเดินทาง"
และครูคนนี้ ยังยอมรับอย่างตรงไปตรงมาด้วยว่า หากปีใด ไม่มีงบประมาณ ก็จะตัดสินใจไม่ไป และสาเหตุที่ไม่ไปแข่งขันที่สหรัฐอเมริกา เพราะเป็นภาระที่หนักเกินไป โดยเห็นว่า "เวทีที่เนเธอร์แลนด์ ก็มีความสำคัญและมีชื่อเสียงเพียงพอแล้ว ที่จะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ได้พัฒนาฝีมือของตนเอง”
“เราไปที่เวิลด์ มิวสิค คอนเทสต์ ที่เนเธอร์แลนด์ ที่เดียว เพราะเราเห็นว่าที่นี่ ได้มาตรฐาน ที่จะพัฒนาความสามารถของเด็ก ประการที่สอง ไม่ถี่เกินไป ที่เราจะไปรบกวนงบประมาณส่วนอื่นๆ ของโรงเรียน เพื่อให้เขาจัดหางบฯมาให้ วงโยฯ วงเดียว เพราะโรงเรียนเราก็มีลูกหลายพันคน แล้วเพราะเราเห็นว่าเราไปยุโรปก็ไม่หนักหนาจนเกินไป ไม่เป็นภาระจนเกินไป และเวทีนี้ก็มีชื่อเสียงพอ แต่การไปสหรัฐอเมริกาก็มีค่าใช้จ่ายหนักเกินไปสำหรับเรา อาจจะสิ้นเปลืองเกินไป แต่ยอมรับว่าเด็กๆ ทุกคนก็อยากไปอเมริกา แต่เราก็ไม่มีพาวเวอร์พอที่จะไปถึงตรงนั้น และที่เราไปเนเธอร์แลนด์ เพราะที่นี่แข่งแค่ 4 ปีครั้งเท่านั้น ถ้าเราพาไปเด็กไปทุกปีก็จะรบกวนเลาเด็กในการเรียนมากเกินไป เวทีนี้ จึงถือว่าไม่หนักจนเกินไป”
อาจารย์อดุลย์ ย้ำด้วยว่า เวิลด์ มิวสิค คอนเทสต์ ที่เนเธอร์แลนด์ จัดขึ้น 4 ปีครั้ง แต่ทุกวันนี้ มีหลายองค์กรจัดการแข่งขันวงโยธวาทิตที่เนเธอร์แลนด์ แต่โรงเรียนสุรนารีเลือกที่จะมาข่งขันที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
“เราไปที่เดียว เพราะต้องการเวลาในการสร้างความชำนาญ สร้างความแข็งแรงให้แก่เด็ก ให้เด็กได้มีเวลาฝึกซ้อม และเพื่อที่ไม่ต้องขอเงินจากผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนบ่อยเกินไป
“เพราะเป้าหมายสำคัญของเราก็คือ เราไม่ได้มุ่งไปที่การแข่งขัน แต่เราฝึกเพื่อให้เด็กมีทักษะทางดนตรี มีระเบียบวินัย ให้แข่งกับตัวเอง ฝึกตัวเอง ไม่ได้มุ่งจะไปเอาชนะ แต่เพื่อให้เขาได้เรียนรู้
@ วางแผนการเดินทาง
การวางแผนการเดินทาง ไปเนเธอร์แลนด์แต่ละครั้ง มีความสำคัญและต้องใส่ใจไม่แพ้การฝึกซ้อม
อาจารย์อดุลย์ กล่าวว่า “หากไม่พร้อม เราไม่ไป และเมื่อกลับมาแต่ละครั้ง เราจะประเมินผลว่าการแสดงของเรามีปัญหาอะไรบ้าง เด็กได้รับประสบการณ์อะไรกลับมา และเราจะทำแผนพัฒนาล่วงหน้า 3 ปี เพื่อรองรับการแข่งขันครั้งต่อไป เราวางแผนทั้งในเรื่องคุณภาพเครื่องดนตรี เรื่องการหาสปอนเซอร์ การจัดการฝึกซ้อม ในท้ายที่สุด แม้จะพร้อมแค่ไหน แต่พอถึงกระบวนการที่ต้องเข้าแข่งขันในปีสุดท้าย หากมีปัญหาไม่มีเงิน เราก็ไม่ไป แต่สิ่งที่เราให้ความสำคัญคือ เราระบบวางแผน ให้ยาวขึ้น คือวางแผนไว้ตั้งแต่กลับมาจากการแข่งขัน"
สำหรับงบประมาณในการเดินทางแต่ละครั้ง อาจารย์อดุลย์ ระบุว่า “ที่โรงเรียนสุรนารีวิทยา เด็กๆ ไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพราะถ้าเด็กไปแข่งขัน เราก็ถือเป็นโครงการพิเศษเลย ไม่มีการให้เด็กเสียเงินอะไรเพิ่มอีก เพราะเราถือว่าเด็กเป็นผู้ที่ออกแรงและเล่นดนตรี ค่าวีซ่าไม่เคยให้เด็กออก ยกเว้นปีที่ขัดข้องจริงๆ ก็อาจให้เด็กช่วย 1,000 บาท หรือ 2, 000 แต่น้อยมาก โดยปกติแล้ว แทบไม่มีการเสียเงินเพิ่มเลย เพราะเราได้รับการสนับสนุนที่ดีจากผู้หลักผู้ใหญ่ ในโคราชทั้งจากภาครัฐและเอกชน แต่โดยหลักแล้ว โรงเรียนต้องอนุญาตและให้การสนับสนุนด้วย เราจึงจะออกไปแข่งขันข้างนอกได้"
นอกจากนี้ งบประมาณสำคัญอีกส่วน ที่จะได้มาจากภาครัฐ คือการคว้าแชมป์ในประเทศให้ได้
ส่วนวงโยธวาทิตของโรงเรียนสุรนารีวิทยาของเรา มีผู้บริหารของโรงเรียนเข้าใจในบทบาทของ วง และวงเราเองก็มีชุมชนที่เข้มแข็งให้การสนับสนุน มีหน่วยงานของรัฐและเอกชนในจังหวัดนครราชสีมาเข้าใจในกิจกรรมที่ทำและมีความโปร่งใส ผมยืนยันว่าวงของเรามีการบริหารจัดการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้
@ พลาดแชมป์ในประเทศก็โกอินเตอร์ได้ แต่ต้องหางบเอง
กรณีที่หลายสังคมตั้งคำถามว่า ไม่ได้แชมป์ในประเทศแล้วไปแข่งขัน เวทีต่างประเทศได้หรือไม่นั้น อาจารย์อดุลย์กล่าวว่า “ใครก็ไปได้ ถ้ามีความพร้อม มีงบ แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ในประเทศก็จะหาทุนยาก ดังนั้น เราจึงต้องตั้งเป้าว่าต้องชนะ การแข่งขันของกรมพละศึกษา ตามที่เขากำหนดนะ จึงจะได้รับงบสนับสนุน แต่ถึงแม้วงไหนไม่ชนะ แต่ถ้ามีเงินเขาก็ไปได้ อย่างการแข่งขันในที่เวิลด์ มิวสิค คอนเทสต์ ที่เนเธอร์แลนด์ ปี 2556 โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีได้แชมป์ระดับโอเพ่น เป็นวงใหญ่ที่สุด ส่วนสุรนารีได้รองชนะเลิศอันดับ 1 แต่ในปี 2552 เราได้คะแนน 95 คะแนนในการแข่งดิสเพลย์ คะแนนที่เราทำได้ในตอนนั้น ก็ยังเป็นสถิติโลกที่ยังไม่มีใครทำลายได้”
“ปี พ.ศ. 2556 เราชนะในประเทศ จึงได้รับงบจากกรมพละศึกษา แต่ถ้าวงไหนมีเงินก็ไปได้เลย ปี 2556 โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีเขาก็ไปแข่งเวทีเดียวกับเราในปีนั้น เขาไม่ได้แชมป์ในประเทศ แต่เพราะเขามีความพร้อมเขาก็ไปเอง แล้วเขาก็ได้แชมป์รุ่นโอเพ่นกลับมา ในปี 2556”
อาจารย์อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการกำหนดกรอบเกณฑ์สำหรับวงโยธวาทิตที่จะเข้าแข่งขันระดับโลก ว่า เมื่อต้นเดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สพฐ. มีการประชุมหารือในเรื่องดังกล่าวที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี โดยมีตน เข้าร่วมประชุมด้วย แม้ตอนนี้ ยังไม่มีการสรุปแน่ชัด ว่าเกณฑ์การสนับสนุระบุถึงคุณสมบัติของวงแบบใดบ้าง แต่ก็คาดว่า จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ว่า
“เกณฑ์ที่ว่านี้จะดูถึงนักเรียนที่เข้าข่ายอยู่ในสพฐ. ทั้งภาครัฐและเอกชน และจะมีการกำหนดว่าผู้ที่จะได้งบไปต่างประเทศ ต้องชนะในประเทศไทย และชนะการแข่งขันใดบ้าง การแสดงไหนบ้าง แล้ว สพฐ. จะสนับสนุนเท่าไหร่ ตอนนี้ กำลังวางกรอบกันในเรื่องนี้ รายละเอียดที่ชัดเจนคงจะประกาศออกมาได้ภายในปีนี้”
@ มีคนนอกร่วมวง เป็นเรื่องปกติ?
อาจารย์อดุลย์ กล่าวว่า วงโยธวาทิตของโรงเรียนสุรนารีวิทยา มีโควตาสำหรับนักเรียน 120 คน แบ่งเป็น 12 กลุ่มเครื่องดนตรี โดยในจำนวน 120 คนนี้ เป็นนักเรียนโรงเรียนสุรนารีวิทยา 110 คน ส่วนคนนอก ซึ่งได้แก่ศิษย์เก่าหรือโค้ชผู้มีความชำนาญ ในแต่ละครั้ง อาจจะร่วมเดินทางไปประมาณ 5 คน และครูร่วมเดินทางไปอีก 5 คน หรือทั้งโค้ชและครู ศิษย์เก่ารวมแล้วไม่เกิน 10 คน
“เพราะฉะนั้น หากเปรียบนักดนตรีแต่ละกลุ่มเป็นนักกีฬาก็จะต้องมีโค้ชผู้เชี่ยวชาญในแขนงเครื่องดนตรีนั้นๆ เดินทางไปด้วย ดังนั้น แต่ละกลุ่มเครื่องดนตรีของเราก็จะมีโค้ชเดินทางไปด้วย รวมแล้วประมาณ 6-7 คน ทุกคนเป็นวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถ ที่จะร่วมให้ความรู้เด็กๆ ในช่วงที่อยู่ต่างประเทศ ในจำนวนนี้ มีศิษย์เก่ารวมอยู่ด้วย โดยศิษย์เก่าที่ไปจะต้องมีความรู้ความสามารถจริงๆ”
เป็นวัฒนธรรมของ วงโย ที่จะมีศิษย์ เก่าที่มีความรุ้ความสามาถเข้าร่วมด้วย อย่างวงของเรา มี 12 กลุ่ม เครื่องดนตรี เราจึงต้องมีวิทยากรเป็นผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มเครื่อมือต่างๆ และศิษย์เก่าที่ไปก็ต้องมีความสามารถ คือเรียนต่อในสาขาด้านดนตรีจริงๆ และเข้ามาเพื่อช่วยผลักดันน้องๆ ได้จริง
@ กรณีวงโยฯ สตรีวิทยา 2 ถือเป็นอุทธาหรณ์ให้ “ผู้ใหญ่”
ครูรายนี้กล่าวว่าตนไม่ขอก้าวล่วงถึงระบบการบริหารจัดการของวงโยธวาทิตที่ตกเป็นข่าว แต่ขอมองในแง่การทำกิจกรรมของเด็กว่าเด็กๆ ล้วนทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องควรให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ที่จะไม่เกิดขึ้นอีก
“โดยภาพรวมจากเหตุการณ์นี้ ผมคิดว่าคงไม่มีผลเสียต่อเด็กนักเรียนที่เล่นวงโยฯ มากนัก เพราะเชื่อว่าเด็กที่เล่นด้วยความบริสุทธิ์ใจเขาก็จะยังเล่นต่อไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คงเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องว่าไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์นี้ เพราะผู้ที่รอจะให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนก็จะเกิดความกังวล ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรแน่ แต่โดยทั่วไปแล้ว การเล่นดนตรีก็ไม่มีผลเสียอะไร ดังนั้น ต้องแยกแยะว่านักเรียนเขาทำไปด้วยความบริสุทธิ์"
“ในความเป็นจริงแล้ว ดนตรีทำให้เด็กพัฒนาเป็นคนโดยสมบูรณ์ ทำให้เขารู้จักการเสียสละ รู้จักความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ก็อยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจเด็กว่าเด็กที่เขาทำไปแล้ว เขาไม่คิดว่าจะเกิดความเสียหาย ขึ้น เขาทำไปด้วยใจบริสุทธิ์” ครูรายนี้ระบุ
เหล่านี้คือบางส่วนของ ระบบการบริหารจัดการของวงโยธวาทิตวงหนึ่งที่กว่าจะเดินทางไปแข่งขันเวทีระดับโลกในแต่ละครั้ง พวกเขาใช้เวลาวางแผน เตรียมการนานถึง 3-4 ปี และท้ายที่สุด
หากแม้เตรียมการอย่างดี แต่ไม่พร้อมเรื่องปัจจัยการเดินทาง พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะ "ไม่ไป"
ภาพประกอบจาก www.gotoknow.org
