สั่งพักใบอนุญาต “หมอชาลี” กรณีดูดไขมัน “น้องกุ้ง” ตาย
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นที่ยกฟ้องกรณี นพ.ชาลี กาญจนรักษ์ เจ้าของคลลินิคศัลยกรรมความงามชาลี จ.เชียงใหม่ ฟ้องแพทย์สภา ขอให้ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนคำสั่งแพทย์สภาที่พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของนพ.ชาลี เป็นเวลา 2 ปี จากกรณีผ่าตัดดูดไขมันบริเวณสะโพกและต้นขาสองข้างจนทำให้ น.ส.ศิริภรณ์ มุ่ยมา หรือน้องกุ้ง อายุ 17 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2545 โดยศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า นพ.ชาลี ผ่าตัดดูดไขมันให้กับน.ส.ศิริภรณ์โดยไม่ได้มาตรฐานที่ผู้ประกอบวิชาชีพเช่นเดียวกับนพ.ชาลี ต้องมี การที่ นพ.ชาลี อ้างว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับ น.ส.ศิริภรณ์แม้จะผ่าตัดในโรงพยาบาลและมีวิสัญญีแพทย์ น.ส.ศิริภรณ์ ก็ต้องเสียชีวิตเช่นเดียวกันนั้นเห็นว่าเมื่อมาตรฐานและความปลอดภัยของคนไข้จะต้องจัดให้มีวิสัญญีแพทย์หรือพยาบาลที่ผ่านการอบรมด้านวิสัญญี นพ.ชาลีก็ต้องจัดให้มีตามมาตรฐานส่วนเมื่อจัดให้มีวิสัญญีแพทย์หรือพยาบาลที่ผ่านการอบรมด้านวิสัญญีแล้วจะช่วยชีวิตคนไข้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ข้อกล่าวอ้างของน.พ.ชาลี จึงไม่อาจฟังได้
นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังปรากฏว่าขณะที่ นพ.ชาลี ผ่าตัดดูดไขมันให้น.ส.ศิริภรณ์ นั้น น.ส.ศิริภรณ์ มีอายุเพียง 17 ปี ยังเป็นผู้เยาว์ และเป็นช่วงอายุที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตอาจมีการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างได้อีก แต่น.พ.ชาลีก็ยังดูดไขมันให้โดยมิได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองทั้งที่การผ่าตัดดูดไขมันดังกล่าวไม่ใช่กรณีจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องทำโดยไม่ได้ความเห็นหรือคำยินยอมจากผู้ปกครองอีกทั้ง นพ.ชาลี ยังใช้ยาที่หมดอายุแล้ว อีกทั้ง ที่น.พ.ชาลีอุทธรณ์ว่าไม่ทราบว่ายาหมดอายุ หากทราบก็จะไม่ใช้นั้น แสดงว่านพ.ชาลีไม่ได้ระมัดระวังในการประกอบวิชาชีพซึ่งบุคคลในฐานะเดียวกันกับน.พ.ชาลีจะต้องมีการกระทำดังกล่าวเห็นว่า นพ.ชาลีไม่ได้คำนึงถึงความสิ้นเปลืองและปลอดภัยของคนไข้แต่อย่างใดจึงเห็นว่า นพ.ชาลี ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยผ่าตัดดูดไขมันให้น.ส.ศิริภรณ์ โดยไม่รักมาตรฐานในระดับที่ดีที่สุดและไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และความสิ้นเปลืองของผู้ป่วยจริง การที่แพทย์สภามีคำสั่งที่1/2548 ลงวันที่ 31 ม.ค. 2548 ให้พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของน.พ.ชาลีเป็นเวลา 2 ปีจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของน.พ.ชาลีฟังไม่ขึ้น และเมื่อฟังได้ว่า นพ.ชาลีมีพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหาของแพทยสภาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของนพ.ชาลี ในประเด็นอื่นอีกเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้เมื่อต้นปี 56 ศาลฎีกามีคำพิพากษาสั่งจำคุกนพ.ชาลีจากเหตุดังกล่าวเป็นเวลา 4 ปี 3 เดือนโดยไม่รอลงอาญา และปลายปี 2556 ศาลแพ่งก็ได้พิพากษาสั่งให้ นพ.ชาลีชดใช้เงินค่าเสียหายให้กับครอบครัวของน.ส.ศิริภรณ์ เป็นเงิน 7,435,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีจากที่ทางครอบครัวฟ้องเรียกค่าเสียหายทั้งหมด 12,637,000 บาท.

