แกนนำ พธม.จ่อฟ้องอาญา ขอจัดเลือกตั้งใหม่ หลังศาลฎีกาฯยกคำร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ยกคำร้องแกนนำ พธม.ขอให้จัดเลือกตั้งใหม่ เหตุไม่มี กม.รองรับสิทธิ ปชช.ให้เพิกถอน “ปานเทพ” ยันเดินหน้ายื่นคดีอาญาตั้งแต่สัปดาห์หน้า ยกเลือกตั้ง 49 เป็นกรณีตัวอย่าง ด้าน “จำลอง” ยอมรับคำวินิจฉัย ยังเชื่อพยานหลักฐานสมบูรณ์ เริ่มฟ้องอาญาต่อ ยันไม่คิดแกล้งใคร แต่จำเป็นต้องทำหน้าที่
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้มีคำสั่งยกคำร้อง คดีหมายเลขดำที่ ลต.14/2554 ในกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้ร้องยื่นฟ้อง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งคณะ เป็นผู้ถูกร้อง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้งยังร้องให้ศาลมีคำสั่งให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ จากเหตุที่ กกต.มีข้อวินิจฉัยทำให้ พล.ต.จำลอง และประชาชนผู้มีสิทธิอีก 2 ล้านกว่ารายขาดสิทธิในการเลือกตั้ง เนื่องจากมิได้ลงทะเบียนเปลี่ยนแปลงการขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งตามที่เคยขอลงทะเบียนไว้ โดยถือว่าการวินิจฉัยดังกล่าวที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ศาลได้ให้เหตุผลประกอบว่า เหตุที่อ้างมาในคำร้องนั้นไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามบทบัญญัติ อีกทั้งผู้ร้องคำร้องของผู้ร้องเป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติรับรองให้ผู้ร้องใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งเพิกถอนการเลือกตั้ง และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้
โดย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวภายหลังทราบคำสั่งว่า ศาลได้พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่าการประกาศผลการเลือกตั้งหรือไม่นั้นเป็นอำนาจของ กกต. ส่วนการขอเพิกถอนการเลือกตั้งนั้นไม่มีกฎหมายรองรับ เมื่อไม่มีกฎหมายรองรับศาล จึงจำหน่ายคดีออกจากสารบบ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการซ้ำรอยเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 49 ด้วยการไปฟ้องศาลอาญา เพื่อให้ดำเนินคดีอาญาต่อ กกต.เนื่องจากกรณีการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.49 ซึ่งถูกเพิกถอนนั้น เป็นการเพิกถอนโดยศาลอาญา โดยเห็นว่า กกต.ในขณะนั้นมีความผิดในการจัดการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นผลทำให้มีการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม ในครั้งนั้นศาลอื่นๆ ทั้งศาลปกครอง หรือศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับการพิจารณา กรณีนี้เช่นกันเมื่อไม่มีศาลใดรับเรื่อง ศาลอาญาก็จะเป็นที่พึ่งสุดท้าย โดยจะเริ่มดำเนินการยื่นฟ้องตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปเป็นรายคดีว่า กกต.ได้ทำผิดอะไรบ้างทางอาญา
“เมื่อเรามีความจำเป็นที่จะต้องไปฟ้องศาลอาญา ก็อยากให้ กกต.เข้าใจว่าเราได้ไปยื่นห้องต่อศาลอื่นหมดแล้ว จึงต้องทำซ้ำรอยเดิมเมื่อปี 49 ในการเอาผิด กกต.ซึ่งอาจทำให้ กกต.ต้องโทษทางอาญาด้วย” นายปานเทพกล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเนื้อหาคำร้องค่อนข้างสมบูรณ์อยู่แล้ว เพียงแต่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ไม่เคยมีกรณีที่ประชาชนมาฟ้องทวงสิทธิ์ของตัวเอง ครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรก เมื่อประชาชนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่สามารถอาศัยศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้ ก็ต้องหากระบวนการอื่นที่เป็นไปได้ นั่นก็คือ ศาลอาญา โดยจะฟ้องในข้อหาเดิม แต่จะเพิ่มเติมในส่วนของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมไปถึงอีกหลายกรณีที่เกี่ยงข้อง เช่น การปล่อยให้พรรคการเมืองกหาเสียงในลักษณะสัญญาว่าจะให้ หรือการรับรองผู้ที่มีเรื่องร้องเรียนเป็น ส.ส.เป็นต้น โดยจะใช้กรณีการเลือกตั้ง ปี 49 เป็นกรณีตัวอย่าง
ขณะที่ พล.ต.จำลองกล่าวเสริมว่า เมื่อศาลวินิจฉัยออกมาแล้ว เราก็ยอมรับโดยดุษฎี ไม่มีข้อโต้แย้ง แต่จำเป็นที่ต้องเดินหน้าขั้นตอนต่อไปในการยื่นฟ้องต่อศาลอาญา โดยตนยืนยันว่า ขั้นตอนต่างๆ นี้ ได้มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยผ่านคำแนะนำของนักกฎหมายผู้ที่มีความเชี่ยวชาญระดับต้นๆ ของประเทศ จึงขอยืนยันว่า ได้ทำด้วยความรอบคอบแล้ว
“ปกติก็ไม่อยากหาเรื่องใคร แต่ต้องทำหน้าที่ เมื่อบทบัญญัติรัฐธรมนูญกำหนดให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถใช้สิทธิได้ โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องร้องต่อศาล ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมาหาเรื่องให้ กกต.ต้องมีความผิดทางอาญา แต่เพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ” พล.ต.จำลองกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจในพยานหลักฐาน พล.ต.จำลองกล่าวว่า เรามีความมั่นใจว่าคำร้องที่เราเสนอมามีเหตุผลครบถ้วนทุกประการ ไม่ใช่ว่าไม่มีหลักฐานแล้วมาฟ้อง อย่างนั้นเสียเวลาเปล่า
ที่มาจาก :
