ไฟไหม้ป่าสงวนฯชุมพร ล่าสุดกินพื้นที่แล้วกว่า 800 ไร่
จากกรณีที่เกิดไฟไหม้ป่าพรุกระจูด พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่กินพื้น 2 ตำบล คือ ต.ปากน้ำ และ ต.หาดทรายรี จ.ชุมพร มาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.57 ล่าสุดวันนี้(25เม.ย.57) พื้นที่ป่าพรุกระจูด ม.1 ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร ยังคงมีไฟป่าลุกลาม และกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ควันไฟ และเศษขี้เถ้า ปลิวฟุ้งกระจายไปทั่วกว่า 1 กิโลเมตร
โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง อาสาสมัคร และรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหาดทรายรี เทศบาลตำบลปากน้ำชุมพร เทศบาลตำบลท่ายาง และเทศบาลเมืองชุมพร กว่า 10 คัน ช่วยกันระดมฉีดน้ำควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลาม แต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปด้านในของป่าพรุได้ ทำได้เพียงฉีดน้ำป้องกันไม่ให้ลุกลามไปสู่โรงเรียนปากน้ำวิทยาและบ้านเรือน ของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง และไม่ให้ลุกลามไปยังคลังน้ำมันที่อยู่ห่างออกไปเพียง 300 เมตรได้ จนถึงขณะนี้ ไฟยังลุกลามขยายวงกว้างได้รับความเสียหายแล้วกว่า 800 ไร่
นายไกรเดช ตันพานิช รองนายกเทศมนตรีตำบลหาดทรายรี เปิดเผยว่า ป่าพรุกระจูดเป็นป่าเก่าแก่ที่ชุมชนให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ไว้ให้เป็นป่า ของชุมชน มีพื้นที่ประมาณ 1,050 ไร่ ซึ่งมีการนำสัตว์ป่าหลากหลายชนิดมาปล่อยเพื่อให้ผืนป่าสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ที่สุด แต่ป่าแห่งนี้จะเกิดเหตุไฟไหม้อยู่เป็นประจำทุกปี แต่สามารถดับไฟเอาไว้ได้ และไม่ลุกลามขยายวงกว้างเหมือนกับครั้งนี้ ซึ่งเริ่มเกิดเหตุเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ต้นเพลิงอยู่ในพื้นที่บ้านหัวกรูด ต.หาดทรายรี คาดว่ามาจากฝีมือชาวบ้านที่เข้าไปเก็บ หาของป่า หรืออาจจะเกิดจากกลุ่มที่พยายามบุกรุกผืนป่าเพื่อทำการปลูกพืช ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
"สาเหตุที่ไฟลุกไหม้ขึ้นมาอีกครั้งในวันนี้ คาดว่ามาจากสภาพอากาศร้อน ใบไม้ ใบหญ้าแห้ง จึงเกิดการปะทุลุกไหม้อีกครั้งประกอบกับเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปดับไฟใน พื้นที่ป่าพรุได้ แต่ทำเพียงป้องกันและเตรียมพร้อมไม่ให้ไฟลุกลามไปไหม้ในพื้นที่ชุมชนเท่า นั้น ขณะเดียวกัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้พยายามให้มีการขุดคูรอบผืนป่าพรุกระจูดแห่งนี้ เพื่อเป็นแนวกันไฟไม่ให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน แต่ปรากฎว่ามีนักวิชาการบางท่านออกมาคัดค้านโครงการดังกล่าว ทำให้โครงการนี้ตกไป " นายไกรเดช กล่าว
นายชัยธวัช ศิวบวร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า เพลิงไหม้ป่าบริเวณดังกล่าวมาตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่รุนแรงขึ้นเมื่อวันที่ 24-25 เม.ย.จึงมีการระดมรถดับเพลิงจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆนับ 10 คัน เข้าไปช่วยกันควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้าง ขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายบ้างแล้ว
นอกจากนั้นทางอำเภอเมืองชุมพร ยังประสานไปยังจังหวัดทหารบกชุมพร และหน่วยป้องกันไฟป่าจังหวัดชุมพร ขอสนับสนุนจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปทำแนวกันไฟไม่ให้ลุกลามเข้ามาในเขต ชุมชน โรงเรียน โรงแรม และคลังน้ำมัน ส่วนไฟที่ยังเผาไหม้ลุกลามเข้าไปในป่าลึก ทางเจ้าหน้าที่คงไม่สามารถสกัดได้ มีหนทางเดียวคือ รอฝนตกลงมาในช่วงนี้ จึงสามารถช่วยดับไฟที่ลุกลามเข้าไปในป่าลึกได้

