7สภาองค์การนายจ้างย้ำค่าแรงต้องขึ้นตามกลไกไตรภาคี
7 สภาองค์การนายจ้างแสดงจุดยืนค่าแรง 300 บาท ยันต้องเป็นไปตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี อัดเพื่อไทยตั้งตัวเลข300ลอยๆไม่มีที่มาที่ไป
วันที่ 22 ก.ค. เวลา 11.30 น. สภาองค์การนายจ้าง 7 องค์กรได้ประชุมหารือถึงนโยบายค่าจ้าง 300 บาทของพรรคเพื่อไทย รวมทั้งท่าทีของสภาองค์การนายจ้างต่อนโยบายดังกล่าว นายวัลลภ กิ่งชาญศิลป์ ประธานสภาองค์การนายจ้างธุรกิจไทย เปิดเผยว่า จุดยืนของนายจ้างไม่คัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่อยากให้เป็นไปตามกลไกของคณะกรรมการค่าจ้าง หรือคณะกรรมการไตรภาคีซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ นายจ้างและลูกจ้าง เป็นผู้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำร่วมกัน
นายอรรถยุทธ ลียะวณิช เลขาธิการสภาองค์การนายจ้างผู้ค้าและบริการเครื่องอุปโภคบริโภค กล่าวว่า การพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคีมีความเป็นวิทยาศาสตร์ โดยกำหนดจากความจำเป็นของลูกจ้าง ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง อัตราการเติบโตของจีดีพี และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้มานานกว่า 10 และเป็นที่ยอมรับร่วมกันของทุกฝ่าย
"การปรับขึ้นค่าจ้างรอบ ม.ค.2555 คณะกรรมการไตรภาคีก็ยังใช้หลักเกณฑ์นี้และไม่สามารถบอกได้ว่าจะขึ้นไปถึง 300 บาทหรือไม่"นายอรรถยุทธ กล่าว
นายวรพงษ์ รวิรัฐ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทของพรรคเพื่อไทย เป็นตัวเลขที่กำหนดขึ้นลอยๆ ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจนว่ามีขั้นตอนและหลักการสนับสนุนว่าเหตุใดต้องเป็นตัวเลขนี้
"เราอยากให้รักษาสมดุลย์ระหว่างนโยบายรัฐบาลกับคณะกรรมการไตรภาคี การที่รัฐบาลมีการดำเนินการเช่นนี้เป็นการก้าวล่วงบทบาทของกรรมการไตรภาคีหรือไม่ ได้ถามความเห็นของลูกจ้างและนายจ้างแล้วหรือไม่"นายวรพงษ์ กล่าว
นายประสิทธิ์ จงอัศญากุล ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ค้าและบริการเครื่องอุปโภคบริโภค กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้อยากให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำโดยกลไกไตรภาคี ซึ่งรัฐต้องหารือร่วมกับนายจ้างและมีมาตรการสนับสนุน เช่น รัฐต้องอุดหนุนส่วนต่างระหว่างอัตราค่าจ้าง 300 บาท กับค่าจ้างที่คณะกรรมการไตรภาคีกำหนด โดยอาจให้เครดิตภาษี เครดิตค่าน้ำ ค่าไฟ โดยรัฐเป็นผู้รับภาระส่วนนี้เป็นเวลา 3 ปี
"สมมุติ ไตรภาคีกำหนดค่าจ้างไว้ที่ 240 บาท ส่วนต่าง 60 บาท รัฐต้องเข้ามาอุดหนุน จากนั้นปีต่อไปก็อุดหนุนลดลงเหลือ 40 และ 20 ส่วนค่าจ้างก็จะทยอยปรับเป็น 260-280 ซึ่งในที่สุดก็จะถึง 300 บาท"นายประสิทธิ์ กล่าว
นายประสิทธิ์กล่าวว่า สภาองค์การนายจ้างเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำโดยตรง การออกมาในครั้งนี้เพื่อแสดงตัวตนและหากรัฐบาลต้องการหารือกับผู้ประกอบการ สภาองค์การนายจ้างก็พร้อมส่งตัวแทนไปร่วมให้ข้อมูล
ทั้งนี้องค์การนายจ้างทั้ง 7 แห่ง ประกอบด้วย 1.สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย 2.สภาองค์การนายจ้างธุรกิจไทย 3.สภาองค์การนายจ้างผู้ค้าและบริการเครื่องอุปโภคบริโภค 4.สภาองค์การนายจ้างไทย 5.สภาองค์การนายจ้างการเกษตร ธุรกิจ อุตสาหกรรมไทย 6.สภาองค์การนายจ้างธุรกิจ การค้า และบริการไทย และ 7.สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าไทย
