รำลึกราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ (1):เมื่อเเสงจันทร์ยังไม่ลาลับดวงใจ

...ผึ้งเกิดจากครอบครัวที่ยากจน ก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่นะเราจะมีโอกาสช่วยครอบครัวได้ เคยฝันว่าอยากจะมีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่ อยากจะมีบ้าน อยากจะมีรถ อยากจะมีห้องแต่งตัว อยากจะมีรองเท้าส้นสูงสีแดงใส่ ซึ่งเป็นความฝัน และอยากจะมีอะไรต่อมิอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง และเคยมีความคิดว่าถ้าถึงวันนั้นครอบครัวเราคงจะมีความสุข...
เสียงใสที่ถูกกลั่นกรองออกมาจากภายในจิตใจของราชินีลูกทุ่ง (แม่ผึ้ง) พุ่มพวง ดวงจันทร์ ผ่านรายการจันทร์กะพริบ เมื่อปี 2534 ก่อนที่หล่อนจะลาลับโลกนี้ไปด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (เอสแอลดี) เมื่อ 13 มิถุนายน 2535 ในวัยเพียง 31 ปี สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่บรรดาญาติสนิทมิตรสหาย ตลอดจนบรรดาแฟนเพลงทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้หล่อนจะจากไปนานถึง 22 ปีแล้ว แต่ข้าพเจ้าเชื่อมั่นอย่างสุดใจว่าคนไทยยังคงจดจำเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ความก๋ากั่น ลีลาการโยกย้ายส่ายสะโพก และอารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านความเสนาะของบทเพลงได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
ซึ่งเส้นทางชีวิตของลูกผู้หญิงคนนี้กว่าจะได้มายืนเป็นนักร้องลูกทุ่งแถวหน้าของเมืองไทย จนถูกยกย่องให้เป็นระดับตำนานของวงการนั้นมีรายละเอียดอย่างไร ข้าพเจ้าจะไม่ขอเอ่ยถึง ด้วยเชื่อว่าหลายคนคงทราบข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ ดีอยู่แล้ว
แต่ยืนยันมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบดังเช่นนักร้องรุ่นหลังแน่นอน เพราะความจริงหล่อนต้องพบเจอกับอุปสรรคยากลำบากมากมายที่พยายามก้าวข้ามอย่างมั่นคงกระทั่งได้รับมงกุฎ แม้จะได้ดื่มด่ำในความสำเร็จเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตามที
แน่นอนเมื่อรสความคิดถึงยังคงอยู่ ทำให้มีการจัดสร้างหุ่นจำลองเพื่อระลึกถึงขึ้นที่ศาลาริมสระน้ำ ณ วัดทับกระดาน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และมีการจัดงานขึ้นทุกวันที่ 13-15 มิถุนายน ของทุกปีด้วย กระทั่งเวลาต่อมามีการจัดสร้างหุ่นจำลองขึ้นแล้วทั้งหมด 8 หุ่น โดยตั้งอยู่ที่วัดทับกระดาน 6 หุ่น พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุซโซต์ สยามดิสคัฟเวอรี่ 1 หุ่น และตัวสุดท้ายที่วัดภาษี
ในโอกาสนี้ข้าพเจ้าจึงพาทุกท่านมาระลึกถึงและขอพรหุ่นแม่ผึ้ง พุ่มพวง ตั้งอยู่ในอาคารหลังเล็ก ๆ วัดภาษี ย่านเอกมัย กรุงเทพฯ เพียงนั่งเรือคลองแสนแสบลงท่าชาญอิสระ ซึ่งทายาทเพียงคนเดียวของหล่อน (เพชร) ภัควรรธน์ พิสิษวุฒิรัชต์ ได้จัดสร้างขึ้นไว้ด้วยงบประมาณ 3 แสนบาท และมีพิธีบวงสรวงไปเมื่อกลางปี 2553 โดยสาเหตุที่นำมาตั้งไว้ที่วัดแห่งนี้ด้วยเคยเป็นที่สึกพระของ ‘เพชร’ นั่นเอง
สำหรับหุ่นไฟเบอร์กลาสตัวนี้อยู่ในท่ายืน อิริยาบถสดใส มือขวาจับไมค์ร้องเพลง สวมชุดสีดำสลับแดง พร้อมสายสะพายปรากฏอักษร “ราชินีเพลงลูกทุ่ง” ตั้งอยู่ในตู้กระจกประดับด้วยดอกไม้สวยงาม โลดแล่นท้าแสงไฟหลากสีที่สาดส่องลงมาจากเพดานศาลาอนุสรณ์แห่งนี้ ช่างเหมือนต้องมนต์ขลังอย่างยิ่ง
ขณะที่บริเวณรอบ ๆ เต็มไปด้วยภาพถ่ายในอดีตของหล่อนให้หวนคิดถึงความทรงจำครั้งก่อนเก่า อีกทั้งยังมีโต๊ะเครื่องแป้ง เสื้อผ้า รองเท้าส้นสูง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงตามที่หล่อนชอบตั้งเรียงรายไว้ คาดว่าอาจจะเป็นของไหว้แก้บนจากบรรดาแฟนเพลง แต่ต้องขอบอกว่าหากใครต้องการจะขอพรจะต้องจุดธูป 9 ดอก ซึ่งทางวัดได้จัดเตรียมไว้ในกราบไหว้กันด้านนอกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ข้าพเจ้าไปนั้นบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ผิดกับที่วัดทับกระดาน ทำให้แอบคิดไปไกลว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่คนส่วนใหญ่จะลืมตำนานลูกทุ่งหญิงผู้นี้ไปแล้ว หากอีกใจหนึ่งแอบภาวนาอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย แม้จะทราบดีว่าคนไทยลืมง่ายก็ตามที
แต่ที่สุดเเล้วสำหรับราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ผู้นี้ ต่อให้อีกร้อยปีก็ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจพวกเราแน่นอน
เชื่อสิ!
