เปิดเทอมใหญ่ปี’57: ผู้ปกครองเมืองกรุงฯ รัดเข็มขัด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ค่าใช้จ่ายผู้ปกครองในกรุงเทพฯ ช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2557 จะมีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 23,900 ล้านบาท ทรงตัวหรือหดตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังคงมีการวางแผนการใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ค่าใช้จ่ายที่ “เพิ่มขึ้น” ส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนของค่าเล่าเรียน (ค่าเทอม) และค่ากิจกรรมพิเศษกับทางโรงเรียน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในส่วนของชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน รวมถึงค่ากวดวิชา/เสริมทักษะ ปรับลดลงเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น ผู้ปกครองก็ยังคงเห็นความสำคัญของการศึกษาและพยายามจัดสรรงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ผลของการเปิดเสรี AEC ที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า ทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมให้กับบุตรหลานมากขึ้น โดยเฉพาะการติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของ AEC และการวางแผนเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการเรียนและการทำงานของบุตรหลานในอนาคต
เปิดเทอมใหญ่ปี 2557 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปัจจัยทางด้านกำลังซื้อที่ยังคงชะลอตัว น่าจะกดดันให้ผู้ปกครองในกรุงเทพฯ มีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง และถึงแม้ว่าผู้ปกครองบางส่วนจะได้รับเงินอุดหนุนจากทางภาครัฐ แต่ก็ยังไม่เพียงพอและสร้างความหนักใจให้กับผู้ปกครองอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตาม การศึกษาถือได้ว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคงของบุตรหลาน ดังนั้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่จึงมีการวางแผนและทำทุกวิถีทางเพื่อให้บุตรหลานได้มีโอกาสในการเรียนต่อ ซึ่งผู้ปกครองบางส่วนก็มีการแบ่งเงินไว้สำหรับใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่บางส่วนก็มีการมองหาช่องทางที่จะหาเงินเพื่อมาใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม อาทิ เงินเก็บ/เงินออม ยืมจากญาติพี่น้อง/เพื่อนสนิท การกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เป็นต้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจ “ค่าใช้จ่ายเปิดเทอมใหญ่ปี 2557 ของผู้ปกครองในกรุงเทพฯ ” ในช่วงระหว่างวันที่ 25 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2557 จากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้
กลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มผู้ปกครองที่มีบุตรหลานศึกษาอยู่ในระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษาเท่านั้น (ไม่รวมระดับอุดมศึกษา)
เปิดเทอมใหญ่ปี’ 57: ผู้ปกครองเมืองกรุงฯ เน้นใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น คาดเม็ดเงินสะพัด 23,900 ล้านบาท
ภาระค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของบุตรหลานของผู้ปกครองเมืองกรุงฯ ปี 2557 โดยรวม “ลดลง” : จากการสำรวจผู้ปกครองในกรุงเทพฯ พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีการจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมของบุตรหลาน ดังนี้
ภาระค่าใช้จ่ายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น: ได้แก่ ค่าเทอม (ค่าเล่าเรียน) และค่ากิจกรรมพิเศษกับทางโรงเรียน อาทิ ค่ากิจกรรมพิเศษหลังเลิกเรียน (เช่น เรียนพิเศษในโรงเรียน/ สอนเสริมทำการบ้าน ค่าเรียนดนตรีหรือกีฬา เป็นต้น) กิจกรรมระหว่างปีการศึกษา (เช่น ซัมเมอร์แคมป์) ฯลฯ
ภาระค่าใช้จ่ายที่มีแนวโน้มลดลง: ได้แก่ ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน รวมถึงการเรียนกวดวิชาและเสริมทักษะต่างๆ
จะเห็นได้ว่า จากปัญหาทางด้านกำลังซื้อของผู้ปกครองที่ยังคงชะลอตัวในปัจจุบัน ทำให้ผู้ปกครองจำเป็นต้องมีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น แต่เนื่องจากปีนี้ค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเทอมและค่ากิจกรรมพิเศษกับทางโรงเรียนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองหลีกเลี่ยงไม่ได้และจำเป็นต้องจ่าย ส่งผลให้ผู้ปกครองพยายามประคับประคองและจัดสรรงบประมาณให้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว หรือมีการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วน อาทิ การลดค่าใช้จ่ายในส่วนของชุดนักเรียนลงเหลือเพียง 1-2 ชุดต่อคน จากเดิมที่อาจจะซื้อ 3-4 ชุด เป็นต้น
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การจัดสรรงบประมาณการใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมของบรรดาผู้ปกครองในกรุงเทพฯ อย่างระมัดระวังในปีนี้ น่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดประมาณ 23,900 ล้านบาท ทรงตัวหรือหดตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่า 24,000 ล้านบาท
ปี’ 57 ผู้ปกครองเมืองกรุงฯ ส่วนใหญ่เตรียมพร้อมจัดสรรงบประมาณไว้เพื่อการศึกษาของบุตรหลาน ในขณะที่บางส่วนยอมรับว่าปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมืองกดดันต่อการวางแผนใช้จ่าย
แม้ว่าในปีนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่จะมีรายจ่ายและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบุตรหลาน ดังนั้น การจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษา จึงเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองมีการเตรียมพร้อมอยู่เสมอในแต่ละปี
อย่างไรก็ดี จากการสำรวจพบว่า ผู้ปกครองเมืองกรุงฯ บางส่วน ระบุว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อการจัดสรรงบประมาณสำหรับการศึกษาของบุตรหลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยด้านราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น (ร้อยละ 42) รองลงมาคือ ภาระหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น (ร้อยละ 22) และเงินอุดหนุนจากภาครัฐที่ได้รับลดลง (ร้อยละ 15) ตามลำดับ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สะท้อนถึงกำลังซื้อของผู้ปกครองที่ลดลง และยอมรับว่ากดดันต่อการวางแผนใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปีนี้มากพอสมควร โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้ปานกลาง-ต่ำ หรือกลุ่มผู้ปกครองที่มีภาระหนี้สินที่ต้องชำระจากหนี้ที่ได้ก่อไว้ในช่วงก่อนหน้านี้
เงินเก็บ/เงินออม ทางเลือกในการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมปี 2557: ในกรณีที่งบประมาณไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม ผู้ปกครองในกรุงเทพฯ กว่าร้อยละ 44 เลือกที่จะนำเงินออมหรือเงินเก็บที่สำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินออกมาใช้ รองลงมา คือ การกู้ยืมจากสถาบันทางการเงิน (ร้อยละ16) ยืมญาติพี่น้อง/ เพื่อนสนิท (ร้อยละ 14) และโรงรับจำนำ (ร้อยละ 12) ตามลำดับ
เปิดเสรี AEC: ผู้ปกครองหันมาวางแผนการศึกษาให้กับลูกหลานมากขึ้น ... ธุรกิจเกี่ยวเนื่องรับ
ผลจากการแข่งขันด้านการศึกษา ประกอบกับกระแสตื่นตัวสำหรับการเปิดเสรี AEC ในปี 2558 มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ปกครองเริ่มหันมาวางแผนและเตรียมความพร้อมให้กับบุตรหลานมากขึ้น ภายหลังจากในระดับอุดมศึกษาได้นำร่องเปิดภาคเรียนการศึกษาปี 2557 พร้อมกันกับหลายประเทศในอาเซียน และคาดว่าบทบาทของอาเซียนในอนาคตจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการศึกษาของไทยมากขึ้น
จากการสอบถามความคิดเห็นผู้ปกครอง เกี่ยวกับประเด็นการเปิดเสรี AEC ที่จะมีขึ้นในปี 2558 พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 88 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด มีการวางแผน/ เตรียมความพร้อมให้กับบุตรหลานทางการศึกษาไว้แล้ว โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น (ร้อยละ 81) รองลงมาคือ การส่งบุตรหลานไปเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและจีน (ร้อยละ 42) ในขณะที่ผู้ปกครองบางส่วน (ร้อยละ 2) ได้เลือกวางแผนการเรียนที่รองรับกับการเปิด AEC อาทิ หลักสูตร English Program (EP)/ MINI EP หรือ International Program ให้กับบุตรหลาน ทั้งนี้ ก็เพื่อต่อไปในอนาคต จะได้เป็นประโยชน์ในการที่จะสื่อสารและหางาน/ทำได้ง่ายขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอาจได้รับอานิสงส์เพิ่มในระยะข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจกวดวิชา/ เสริมทักษะด้านภาษาต่างประเทศ รวมไปถึงกลุ่มติวเตอร์ ธุรกิจสื่อการเรียนการสอนด้านภาษาและสิ่งพิมพ์อย่าง E-Learning เป็นต้น อย่างไรก็ดี ผู้ปกครองอีกร้อยละ 12 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ยังไม่ได้มีการวางแผนใดๆ โดยส่วนใหญ่มองว่า ทางโรงเรียนคงมีการเตรียมความพร้อมไว้บ้างแล้วพอสมควร รองลงมาคือ บุตรหลานยังเด็ก/ ยังมีระยะเวลาในการเตรียมพร้อมอีกนาน
กล่าวโดยสรุปแล้ว จากปัจจัยทางด้านกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง และกดดันการใช้จ่ายของผู้ปกครองมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ส่งผลให้การใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมปี 2557 นี้ บรรดาผู้ปกครองในกรุงเทพฯ ยังคงมีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ดี เนื่องจากการศึกษาถือได้ว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคงของบุตรหลาน ดังนั้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่จึงพยายามประคับประคองงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการว่า ช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2557 การใช้จ่ายของผู้ปกครองในกรุงเทพฯ น่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดประมาณ 23,900 ล้านบาท ทรงตัวหรือหดตัวเล็กน้อยร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แบ่งเป็น ค่าเทอม 9,000 ล้านบาท ค่าเรียนกวดวิชา/เสริมทักษะต่างๆ 7,000 ล้านบาท ค่ากิจกรรมพิเศษกับทางโรงเรียน (อาทิ เรียนพิเศษ/ซัมเมอร์แคมป์) 4,600 ล้านบาท ค่าชุดนักเรียน/ อุปกรณ์การเรียน 3,000 ล้านบาท และอื่นๆ (ค่ารถรับ-ส่งโรงเรียน ค่าชุดกีฬา) 300 ล้านบาท
