บัวแก้วแถลงการณ์โต้สถานทูตเยอรมนี
กระทรวงต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ ระบุ รัฐบาลไทยรู้สึกผิดหวังต่อท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาลเยอรมนี ที่ยังคงพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ โดยใช่เหตุ
ตามที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยได้ออกเอกสารแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 เรียกร้องให้รัฐบาลไทยรีบดำเนินการชำระค่าเสียหายให้แก่บริษัทวาลเทอร์ เบา โดยมีข้อความพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นั้น
วันที่ 27 กรกฎาคม กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ โดยย้ำว่า กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวาลเทอร์ เบา เป็นกรณีพิพาทระหว่างรัฐกับผู้ลงทุนเอกชน ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในนามของรัฐบาลไทย โดยกรณีพิพาทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องแต่ประการใดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และทรัพย์สินส่วนพระองค์ พระองค์ทรงเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่คู่พิพาทในกรณีดังกล่าว และเช่นเดียวกัน รัฐบาลเยอรมนีก็ไม่ใช่คู่กรณี
กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงด้วยว่า ฝ่ายไทยได้แจ้งข้อเท็จจริงข้างต้นให้แก่รัฐบาลเยอรมนีแล้วในทุกระดับตั้งแต่ต้น ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีก็น่าจะตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงนี้ และด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไทยจึงรู้สึกผิดหวังต่อท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาลเยอรมนี ดังเอกสารแถลงข่าวล่าสุดของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ซึ่งยังคงพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยใช่เหตุ และโดยมิบังควร
กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาและดำรงไว้ซึ่งพระเกียรติยศของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รวมทั้งกำลังดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้เรื่องเกี่ยวกับการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ยุติลงอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจง ถึงกรณีที่สถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยต้องจ่ายค่าชดเชยแก่บริษัท วอลเตอร์ บาว เป็นเงิน 36 ล้านยูโร (ประมาณ 1,558 ล้านบาทไทย) โดยอ้างว่าคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2552 เป็นที่สิ้นสุดแล้วว่า เท่าที่ได้มีการสอบถามทราบว่าทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำหนังสือชี้แจงในเรื่องนี้ และเท่าที่ทราบทางสถานทูตเยอรมันพูดพูดถึงตัวคดีหลัก ไม่ใช่คดีอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ส่วนพระองค์ฯ และยืนยันว่า รัฐบาลไทยยังอยู่ในกระบวนการต่อสู้ โดยเฉพาะเรื่องการใช้สิทธิของวอลเตอร์ บาว เขาคงพูดถึงในแง่อนุญาโตตุลาการ แต่ไทยกำลังพูดถึงว่ามีการฟ้องร้องให้ชำระหนี้ที่นิวยอร์ก
พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือชี้แจงไปแล้ว และยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ ถ้าจบรัฐบาลไทยก็มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว ฝ่ายบริหารของเยอรมันจึงไม่ควรมายุ่งกับเรื่องนี้
ส่วนที่ทางเยอรมันแถลงการณ์อ้างว่าถ้าประเทศไทยไม่จ่ายเงินจะกระทบต่อการลงทุนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเขาชนะคดีก็เป็นอีกเรื่อง แต่ตอนนี้คดียังไม่เรียบร้อย และในวันที่ 28 กรกฎาคมจะมีการหารือกับ อัยการสูงสุด (อสส.)
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแถลงการณ์ฉบับนี้ว่า ทางเยอรมันคงรับฟังข้อมูลจากภาคเอกชน เพราะภาคเอกชนรายนี้พยายามทุกวิถีทางในการให้ประเทศไทยนำเงินไปใช้ บางทีก็ยังมีการเสนอว่าจะประนีประนอม และเชื่อว่าการอุทธรณ์คงไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย เพราะจริง ๆ แล้วภาคเอกชนรายอื่นก็ไม่มีปัญหาเช่นนี้
เมื่อถามถึงความไม่ชอบมาพากลในการใช้สิทธิของบริษัทวอลเตอร์บาว ที่ทำให้รัฐบาลไทยเตรียมฟ้องร้องกลับนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องรายละเอียดรอให้อัยการสูงสุด(อสส.) มาหารือก่อน ถ้ามีความคืบหน้าอะไรก็จะนำมาเปิดเผย
