นักวิชาการ มธ. หวั่นระบบเศรษฐกิจ "ช็อค" ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทีเดียวพร้อมกัน

ปกป้อง จันวิทย์' แนะกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ ต้องให้สอดคล้องกับค่าจ้างเพื่อชีวิต ให้แรงงานและครอบครัวสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง และชี้ตัวเลขค่าจ้างปัจจุบันยังน้อยเกินไป ต้องมีการปรับขึ้นที่ละขั้น ไม่จำเป็นต้องเท่ากันทั่วประเทศ
เมื่อเร็วๆนี้ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดงานสัมมนาทางวิชาการประจำปี 2554 ครั้งที่ 34 ภายใต้หัวข้อ “ได้เวลาปฏิรูป เพื่อเศรษฐกิจที่เป็นธรรม” ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยนายปกป้อง จันวิทย์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มธ.นำเสนอบทความ”การปฏิรูปกฎหมายแรงงานเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เป็นธรรม: กรณีศึกษากฎหมายว่าด้วยการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำและประกันสังคม”
นายปกป้อง กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการนำเสนอบทความ เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยว่า ตัวเลขค่าจ้างปัจจุบันภาพรวมถือว่า ยังน้อยเกินไป เพราะหากพิจารณาจากตัวเลขคร่าวๆ ที่เคยมีการสำรวจมาก่อนหน้านี้แล้วนั้น สหภาพแรงงาน คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยได้มีการสำรวจอัตราค่าจ้างโดยเฉลี่ยของแรงงานที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 421 บาทต่อวัน ในส่วนของคณะกรรมการปฏิรูป โดยมี ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ เป็นประธานในเรื่องแรงงานบอกว่าอัตราเฉลี่ยควรอยู่ที่ 250 บาทต่อวัน ด้านสภาอุตสาหกรรมก็ได้ทำการสำรวจแล้วว่าอัตราค่าจ้างซึ่งแรงงานสามารถอยู่ได้อยู่ที่วันละ 226 บาท ขณะที่กระทรวงแรงงานชี้ว่า ค่าจ้างตามคุณภาพชีวิตเฉลี่ยควรอยู่ที่ 211 บาทต่อวัน ตัวเลขต่างๆเหล่านี้ชี้ไปในทางเดียวกันว่า อัตราเฉลี่ยในภาพรวมตอนนี้ยังน้อยเกินไป
"แล้วอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่สะท้อนค่าจ้างเพื่อชีวิต ควรอยู่ในระดับเท่าไหร่ และมีการคำนวณอย่างไร ซึ่งงานวิชาการแต่ละชิ้นก็มีหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงต้องหาวิธีที่เหมาะสม และสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย เช่น ถ้าเราพบว่าค่าจ้างเพื่อชีวิตมันสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำมากๆ การปรับตัวไม่ควรปรับขึ้นทีเดียวพร้อมกันหมด เพราะจะทำให้ระบบเศรษฐกิจ "ช็อค" อย่างรุนแรง ฉะนั้น ควรมีการกำหนดระดับขั้นในการปรับระดับค่าจ้างภายใต้เงื่อนไขเวลาที่ชัดเจน เพื่อลดผลกระทบ และควรต้องมีมาตรการเสริมเข้ามาด้วย”
อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่า ค่าจ้างขั้นต่ำไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของฝ่ายแรงงาน แต่เป็นคำตอบที่สำคัญ นอกจากนี้ควรหันมองประเด็นการปรับกำหนดค่าจ้างให้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ควรจะต้องมีการปรับค่าจ้างที่สูงขึ้นตามผลิตภาพแรงงาน และผลการทำงาน เรื่องระบบคัดเลือกตัวแทนก็ควรมีการปฏิรูปทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องมีส่วนร่วมมากขึ้นกว่านี้ รวมถึงเรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ควรที่จะครอบคลุมทุกกิจการ ครอบคลุมทุกองค์กร ซึ่งปัจจุบันมีการยกเว้นไม่ให้ครอบคลุม หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเกษตร เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ควรมีการปรับให้เกิดความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
“ถ้าเศรษฐกิจไทย ต้องการเดิน ไปตามแนวทางที่ต้องการความเป็นธรรมให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาดแรงงาน แนวคิดในการกำหนดแรงงาน ต้องให้แรงงานและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ธำรงความภาคภูมิใจในตนเอง และมีส่วนร่วมทางกิจกรรมทางสังคมทางการเมืองในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง อย่างเต็มที่ สิ่งเหล่านี้เป็นหลักการพื้นฐาน ซึ่งเราควรต้องเดินทางตามแนวทางนี้ให้ระบบสังคม การเมือง เศรษฐกิจสามารถเดินต่อไปได้อย่างราบรื่น”
