ทหารนำตัว จาตุรนต์ ขออำนาจศาลทหาร ฝากขังผลัด 2
จนท.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นำตัว "จาตุรนต์" ขออำนาจศาลทหารฯ ฝากขังผลัด 2 ด้าน "อ๋อย" ไม่แสดงท่าทีกังวล ขณะที่ "ฐิติมา" มาให้กำลังใจพี่ชาย
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่ศาลทหารกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้นำตัวนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ มาขออำนาจศาลฯฝากขังเป็นผลัดที่ 2 ภายหลังจากครบกำหนดที่ศาลทหารกรุงเทพฯได้อนุมัติฝากครั้งผลัดที่1 ไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากนายจาตุรนต์ ไม่ยอมมารายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อีกทั้งยังถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าได้กล่าวปาถกฐาเนื้อหาในลักษณะปลุกปั่น ยั่วยุในเกิดความไม่สงบสุขในราชอาณาจักร ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ซึ่งเข้าข่ายผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ได้สวมใส่ชุดนักโทษ พร้อมกุญแจมือนั่งรถควบคุมผู้ต้องขัง ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน ฌฟ 2841 กทม. เมื่อเดินทางมาถึงศาลทหารกรุงเทพฯแล้ว เจ้าหน้าที่ฯได้นำรถลงชั้นใต้ดินทันที ทั้งนี้นายจาตุรนต์มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้แสดงท่าทีกังวล ท่ามกลางระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และมีสื่อมวลชนจำนวนมากปักหลักรอทำข่าวด้านหน้าศาลทหารกรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่ทหารไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวแต่อย่างใด
นอกจากนี้ที่บริเวณด้านหน้าศาลทหารกรุงเทพฯ มีมวลชนประมาณ 50 คน เดินทางมาให้กำลังใจนายจาตุรนต์ พร้องฝากดอกกุหลาบสีแดงให้นางฐิติมาไปมอบให้นายจาตุรนต์ และระบุว่าให้นายจาตุรนต์สู้ ๆ
อย่างไรก็ตามในเวลา 10.00 น. ทางสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย จะเดินทางไปยังศาลทหาร ยื่นขอให้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวนายจาตุรนต์ เนื่องจากญาติมาร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมด้วย
ทั้งนี้นางฐิติมา ฉายแสง อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นน้องสาวของนายจาตุรนต์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมนายจาตุรนต์และจะขอยื่นประกันตัว เพราะนายจาตุรนต์ไม่ได้มีความผิดอะไร ตนจะมาดูว่าทางศาลฯ ท่านจะว่าอย่างไร อย่างไรก็ตามทางนายจาตุรนต์ก็มีกองทัพทนายที่จะมาช่วยปรึกษาหารือ และก็จะทำเรื่องขอประกันตัวออกมา ในขณะเดียวกันวันนี้ตนยังไม่ได้เห็นหน้าพี่ชาย แต่รู้อยู่แล้วว่าพี่ชายมีจิตใจเข้มแข็งมาก และทุกคนที่มาในวันนี้ก็มาให้กำลังใจ หลายคนเรียกนายจาตุรนต์ว่า "เนลสัน เมืองไทย" ซึ่งสิ่งเหล่านี้นายจาตุรนต์รับทราบ ได้เห็นเอกสารที่พี่น้องประชาชนส่งมาให้ และรู้ว่าทุกคนเป็นห่วง ซึ่งในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯก็ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก แต่ก็ไม่ได้สิทธิเสรีภาพเหมือนอย่างที่เราเป็นอยู่ และเหมือนกับที่หลายๆคนเข้าไปรายงานตัวและถูกกักบริเวณ ตนเองก็ถูกกักบริเวณ 7 วัน เพราะฉะนั้นในวันนี้ต้องมาให้กำลังใจกับผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เมื่อถามว่าสิ่งที่นายจาตุรนต์ทำอยู่ในทุกวันนี้ถูกต้องหรือไม่ นางฐิติมา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเราไม่ต้องการให้คนเราได้รับความไม่เท่าเทียมกัน เราต้องการให้ประเทศชาติเจริญและเป็นไปในทิศทางสากล แนวทางที่ไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ใช้การสื่อสารพูดคุยกับพี่น้องประชาชนให้เข้าใจ เพราะเป็นเรื่องที่โลกเขาทำกัน เราคิดว่าเราเดินมาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว และคิดว่าศาลทหารคงเข้าใจ ในการปล่อยตัวหรือให้ประกันตัวก็ดี
"ที่ผ่านมายังไม่ได้พูดคุยกับนายจาตุรนต์มากมายในเรือนจำฯ เพราะมีคนไปเยี่ยมจำนวนมาก ได้แค่ถามสารทุกข์สุขดิบเท่านั้น นายจาตุรนต์มีสุขภาพร่างกายและจิตใจดี พี่ชายมีจิตใจเข้มแข็ง เป็นผู้นำมาตั้งแต่เด็ก ส่วนบิดาก็มีความรู้สึกเครียดเป็นปกติ เพราะอายุมาก ทั้งนี้ท่านก็รู้ว่าลูกชายเป็นผู้นำ แต่ความเป็นพ่อก็ต้องเป็นห่วงลูกธรรมดาไม่ว่าจะอยู่ในเรือนจำหรือค่ายทหารก็ถือว่าขาดสิทธิและเสรีภาพตามพื้นฐาน" นางฐิติมา กล่าว
เมื่อถามว่า การไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ถือเป็นการท้าทายหรือไม่ นางฐิติมา กล่าวว่า บางคนก็คิดแบบนั้น แต่ประชาชนบางส่วนก็ไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะบางคนถือในเรื่องของการฉีกรัฐธรรมนูญ ส่วนการวางตัวทางการเมืองต่อจากนี้ก็จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามขั้นตอนก่อน ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าศาลฯจะอนุมัติฝากขังต่อหรือไม่
ขอบคุณข่าวจาก

