“นักวิชาการ” เชื่อ บัตรเครดิตชาวนาคลอดยาก เหตุติดปัญหาบริหารจัดการ

“ณดา จันทร์สม” แจง ‘บัตรเครดิตเกษตรกร’ ของใหม่-ไม่ใช่วัฒนธรรมที่คุ้นเคย หวั่นชาวนาใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ สร้างหนี้ไม่รู้ตัว
ผศ.ดร.ณดา จันทร์สม ผู้อำนวยการสำนักวิจัย และอาจารย์ประจำคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงนโยบายบัตรเครดิตเกษตรกรของพรรคเพื่อไทยว่า นโยบายดังกล่าว ยังเป็นเพียงนโยบายที่พรรคการเมืองนำเสนอในช่วงหาเสียง รายละเอียดจึงยังไม่ชัดเจนมากนัก คงต้องรอหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาล และมอบหมายผู้รับผิดชอบแล้ว
ผศ.ดร.ณดา กล่าวต่อว่า หากมองนโยบายบัตรเครดิตเกษตรกร ตามนิยามของบัตรเครดิตโดยทั่วไป ซึ่งมีลักษณะเป็นบัตรเงินกู้ ที่ผู้ถือบัตรมีเครดิตสามารถกู้เงินจากผู้ออกบัตรมาใช้ก่อนแล้วค่อยชำระทีหลัง กอปรกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งระบุว่า มีบัตรเครดิตที่ออกโดยสถาบันการเงินและบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน รวมทั้งสิ้นจำนวนกว่า 14 ล้านใบ มียอดหนี้ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2.43% ของยอดหนี้ค้างทั้งหมด อีกทั้งผู้ถือบัตรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบุคคลที่อยู่ในสังคมเมือง มีรายได้สม่ำเสมอไม่น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น การนำเสนอนโยบายบัตรเครดิตต่อกลุ่มเกษตรกร ซึ่งอาศัยอยู่ในสังคมชนบท จึงนับเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องพิจารณาให้ดี
ผศ.ดร.ณดา กล่าวถึงข้อดีของบัตรเครดิตเกษตรว่า เป็นการขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของเกษตรกร เพื่อใช้ประกอบกิจการทางการเกษตร เพิ่มความคล่องตัวในนำวัตถุดิบในการผลิตมาใช้ก่อนแล้วค่อยชำระทีหลัง ส่วนข้อเสียน่าจะเกี่ยวข้องกับการกำหนดเงื่อนไขและการบริหารจัดการ เนื่องจากการบริหารนโยบายในหลายประเด็นมีความเสี่ยง จนอาจเกิดความเสียหายได้ เนื่องจาก 1.คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับอนุมัติบัตรเครดิตจะกำหนดอย่างไร เพราะรายได้เกษตรกรค่อนข้างมีความผันผวน และมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ อาทิ ภัยพิบัติ ราคาพืชผล ฯลฯ
“2.เงื่อนไขในการกำหนดวงเงินกู้จะกำหนดอย่างไร 3.ความร่วมมือของร้านค้าที่จะยอมรับการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิตเกษตรกร 4.การลงทุนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของการบริหารบัตรเครดิตเกษตรกร จะใช้ร่วมกับบัตรเครดิตที่มีอยู่ได้หรือไม่ เช่น เครื่องรูดบัตร ระบบการจ่ายเงินคืนให้แก่ร้านค้าร่วมรายการ ฯลฯ และ 5.ความรู้ ความเข้าใจในการใช้บัตรเครดิตของเกษตรกร เนื่องจากเป็นของใหม่ ไม่ใช่วัฒนธรรมที่คุ้นเคย ดังนั้น อาจทำให้การใช้จ่ายมีลักษณะผิดวัตถุประสงค์ หรือไม่เข้าใจถึงภาระหนี้ของตนเองได้”
เมื่อถามว่านโยบายบัตรเครดิตเกษตรกรควรจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ผศ.ดร.ณดา กล่าวว่า เท่าที่มองข้อดีข้อเสีย ยังเห็นว่า นโยบายดังกล่าวทำได้ยากและมีปัญหาในการบริหารจัดการอย่างมาก แต่หากจะดำเนินการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คงต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เพราะมีฐานลูกค้าเดิมเป็นเกษตรกร แต่ทั้งนี้ การดูแลลูกค้าเกษตรกรต้องยอมรับว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างมาก ธ.ก.ส. อาจแบกรับไม่ไหวและรัฐบาลต้องชดเชยอยู่มาก ดังนั้น หากจะดำเนินการต้องมีการศึกษาข้อมูลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างรอบคอบ ทั้งด้านการวางแนวทางและวิธีการในการบริหาร ไม่ใช่เร่งทำโดยทันที เพราะไม่เช่นนั้น การชดเชยของรัฐจะส่งผลกระทบต่อฐานะทางการคลังได้
ทั้งนี้ ผศ.ดร.ณดา กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลใหม่จะเดินหน้านโยบายดังกล่าว ควรมีการกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด โดยอาจเริ่มจากกลุ่มเกษตรกร ผู้ผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ข้าว ยางพารา ฯลฯ เสียก่อน เนื่องจากมีข้อมูลในเรื่องราคาผลผลิต ราคาวัตถุดิบ และข้อมูลผลผลิตที่ชัดเจน เพื่อทำเป็นโครงการนำร่อง เป็นต้นแบบในการขยายผลต่อไป
เอกสารประกอบ
