สวนโมกข์ฯชวนคนไทยตั้งคำถามจาก“แพลทฟอร์มชุดความรู้ชีวิตและสังคมของพระพุทธองค์”
พระพุทธองค์ ในฐานะที่เป็นผู้รู้ของโลก ได้ทรงมีคำสอน(พระสูตร) ที่รวบรวมอยู่ในรูปพระไตรปิฏก ซึ่งเป็นฐานความรู้ที่สำคัญคงอยู่มาตลอด ๒๖๐๐ ปี และยังคงทันยุคทุกสมัย เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและสังคมของมนุษย์ โดยจุดเด่นของชุดความรู้ชีวิตและสังคมของพระพุทธองค์ ไม่ได้แบ่งแยกเป็นเรื่องๆ ออกจากกัน
แต่แสดงความสัมพันธ์กันไม่ว่าจะเริ่มจากความสนใจส่วนไหนก็จะศึกษาโยงใยเรื่องได้ครบทั่ว นอกจากนี้พุทธศาสนายังมีเครื่องมือเพื่อสอนคนให้เข้าสู่ความจริงอย่างเป็นลำดับขั้นและยังสามารถประยุกต์ใช้สำหรับการหาความจริงในเรื่องต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ(สวนโมกข์กรุงเทพ) ในฐานะองค์การด้านศาสนธรรม มีหน้าที่เผยแผ่และแลกเปลี่ยนด้านศาสนธรรม เสริมสร้างสติปัญญาและจิตใจให้ผู้คนในสังคมได้เจริญ ถูกต้องดีงาม ขับเคลื่อนโครงการนี้โดย “กลุ่มเคลื่อนไทยด้วยปัญญา”ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครธรรมภาคีของหอฯ เห็นว่าการเสนอความรู้จากพระสูตร ซึ่งเสมือนเป็น “แพลทฟอร์มชุดความรู้ชีวิตและสังคมของพระพุทธองค์”พร้อมทั้งกระบวนการที่พระพุทธองค์ได้แสดงไว้ประสานกับศาสตร์ทางโลกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอยู่แล้วนั้น จะทำให้เห็นภาพความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงของความรู้ด้านต่างๆ ของศาสตร์กระแสหลักของโลกได้เป็นอย่างดี จะทำให้ผู้เข้าร่วมเรียนรู้ได้เข้าใจชีวิต สังคมและประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น เข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง อันจะนำไปสู่การหาวิธีช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศไทยเพื่อให้ชีวิตและสังคมเกิดสันติสุขซึ่งเป็นความปรารถนาร่วมกันของคนในประเทศในที่สุด
จุดมุ่งหมายโครงการนี้ก็เพื่อเผยแผ่ความรู้จากพระสูตรในพระไตรปิฏก โดยหวังว่าจะสามารถนำมาช่วยแก้ปัญหาสังคมไทยได้อีกแรงหนึ่ง และมุ่งแสดงให้เห็น “กฏอิทัปปัจยตา” (กฏแห่งเหตุปัจจัย ซึ่งเป็นกฏพื้นฐาน ที่มีอยู่แล้วไม่ว่าพระพุทธองค์จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม) ที่อธิบายความเชื่อมโยงของวัตถุ(ทรัพยากร) กับมนุษย์(กาย ใจ) โดยอธิบายโยงเข้ากับศาสตร์ต่างๆ
ในโลกปัจจุบัน ที่สำคัญคือผู้เรียนได้เข้าใจกระบวนการแก้ปัญหาในทางพุทธศาสนาที่มีลำดับขั้น ตั้งแต่การกำหนดปัญหาให้ชัดเจนจนถึงตัววัดผลของการแก้ปัญหาได้สำเร็จ โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการนำเสนอเรื่องการปฏิรูปได้ผ่านการอุปมา “ต้นไม้ประเทศไทย” เพื่อคนรุ่นใหม่ต่อไปถือเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่มีปัญญา เมตตา ต้องช่วยเหลือกันในฐานะ
“เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย”และสามารถขยายผลนำไปใช้เป็นกระบวนการสร้างความเข้าใจกันของคนในประเทศ เพื่อร่วมมือกันพัฒนาประเทศไทยให้มีความสงบสุขอย่างยั่งยืนต่อไป
ติดตามรายละเอียดต่าง ๆ การพิจารณาคัดเลือก และคุณสมบัติพร้อมเงื่อนไขในการสมัครร่วมเรียนรู้ทั้งหมดได้ที่ www.bia.or.th รับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันอังคารที่ ๒๔ มิ.ย. นี้ รับจำนวนจำกัด สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ คุณวุฒิ ๐๘๑ ๘๓๕ ๔๕๙๕ หรือคุณบรรจง ๐๘๖ ๐๓๒ ๘๘๖๕
|
|
