กรมพินิจเร่งสร้างพนักงานคุมประพฤติให้เป็นวิทยากร เตรียมพร้อมรับอาเซียน
กรมพินิจ เร่งสร้างพนักงานคุมประพฤติเป็นวิทยากรตัวคูณ สร้างความพร้อมทุกด้าน รองรับอาเซียนเชื่อนำวิชาหน้าที่พลเมืองกลับมา จะปลูกฝังเด็กรู้จักหน้าที่ได้ดีขึ้น

กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกระทรวงยุติธรรม จัดฝึกอบรมวิทยากรตัวคูณและเทคนิคการสอนงาน สำหรับพนักงานคุมประพฤติ โดยการสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส.ภายใต้โครงการยกระดับมาตรฐานงานยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อให้พนักงานคุมประพฤติที่เข้าร่วมอบรมได้มีความรู้ ความเข้าใจและสามารถนำเทคนิคและวิธีการสอนงานให้กับพนักงานคุมประพฤติคนอื่นๆ พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายในการถ่ายทอดองค์ความรู้ในหน่วยงานส่วนภูมิภาคตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการประสานงานจากหน่วยงานในส่วนกลางอีกด้วย โดยมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่เป็นพนักงานคุมประพฤติและผ่านการฝึกอบรมในรุ่นที่ 1 จำนวน 50 คน ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ
นายภูมิ์พงศ์ ขุนฉนมฉ่ำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กล่าวว่า จากการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการอบรมทักษะปฏิบัติงานจำแนกพนักงานคุมประพฤติครั้งที่ 1 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเพื่อพัฒนาพนักงานคุมประพฤติที่ทำหน้าที่ด้านการจำแนกให้ใช้เครื่องมือแบบประเมินความเสี่ยงและความจำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพใน 3 ด้าน คือ1.ความรู้ 2.ทัศนคติและแรงจูงใจ และ3.ทักษะในการนำไปปฏิบัติหน้าที่สืบเสาะและพินิจเด็กและเยาวชนที่ต้องหาว่ากระทำผิดซึ่งเป็นภารกิจหลักสำคัญของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พร้อมทั้งต้องเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่ได้รับให้กับพนักงานคุมประพฤติคนอื่นๆ ด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการต่อยอดและพัฒนาบุคลากรให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงจัดฝึกอบรมวิทยากรตัวคูณและเทคนิคการสอนงานขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มทุนทักษะความรู้ให้กับพนักงานคุมประพฤติที่สมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยงานนำร่อง การประชุมครั้งนี้จึงเป็นการรวบรวมองค์ความรู้จากประสบการณ์ของคณะนิเทศที่ลงพื้นที่ติดตามงาน ดูแลและให้คำปรึกษา เพื่อทำให้เกิดระบบการทำงานที่ดีขึ้น ซึ่งอนาคตเชื่อว่าจะสามารถขยายไปสู่ระบบการสั่งงานภาพรวมการทำงานของกรมพินิจทั่วประเทศ ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างเครือข่ายในการสร้างองค์ความรู้ ความประพฤติ ในด้านการประเมินความผิดและความจำเป็นที่เป็นความรู้สำคัญในการประเมินผล ข้อเท็จจริง เพราะการประเมินที่ซื่อตรง แม่นยำ สอดคล้องตามบริบท สภาพปัญหาและความจำเป็นของเด็กจะทำให้ศาลใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสมในการพิจารณาพิพากษาคดี อันนำไปสู่การลดจำนวนเด็กถือเป็นก้าวแรกตามนโยบายยุทธศาสตร์ 5+1 ที่จะทำให้เป้าหมายปลายทางประสบความสำเร็จเห็นผลได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ นายฐานิส ศรียะพันธ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้เป็นการต่อยอดการอบรมพนักงานคุมประพฤติเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และจากการลงพื้นที่ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมทำให้เห็นความตั้งใจการทำงานเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดกระบวนการคิดการออกแบบ ที่ช่วยให้สามารถสืบเสาะข้อมูลในตัวเด็กได้อย่างละเอียด ในอนาคตเชื่อว่าจะต้องมีพนักงานคุมประพฤติที่เชี่ยวชาญพร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงหรือโค้ชให้กับน้องๆ รุ่นต่อไปได้ ซึ่งการอบรมวิทยากรตัวคูณและเทคนิคการสอนงานเป็นการต่อยอดที่ดีที่สุด เนื่องจากพนักงานคุมประพฤติที่เข้าอบรมจะนำความรู้ไปสอนงานเพื่อขยายผลทั้งประเทศ และตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ในการลดจำนวนเด็กและเยาวชน ทำให้พนักงานคุมประพฤติได้รับการบ่มเพาะให้มีมาตรฐานเดียวกันในการสืบเสาะข้อมูล โดยจัดทำข้อมูลเด็กเป็นรายบุคคล ซึ่งสามารถส่งแบบรายงานเพื่อให้ศาลพิจารณาคดีด้วยข้อมูลของเด็กที่ถูกต้อง ส่งผลให้ลดจำนวนเด็กของกรมพินิจลง เป็นการคืนความสุขให้กับเด็กและเยาวชนได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่ มีโอกาสศึกษาต่อ มีอาชีพต่อเนื่อง และลดงบประมาณของชาติด้วย ส่วนจำนวนเด็กและเยาวชนที่เหลือในกรมพินิจ คือ เด็กที่มีความสลับซับซ้อนซึ่งต้องอยู่ที่ศูนย์ฝึก เพราะเด็กเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อย่างไรก็ตามขณะนี้เด็กในสถานพินิจมีจำนวนลดลงกว่าพันคนจากปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนเด็กและเยาวชนในคดีที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2555 มีจำนวนทั้งสิ้น 34,276 คดีปี 2554 จำนวน 35,049 คดี คิดเป็นร้อยละ 2.21 เปรียบเทียบจำนวนคดีเด็กและเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีโดยสถานพินิจฯทั่วประเทศระหว่างปี 2554- 2555
“น่าเป็นห่วงเด็กยุคใหม่ที่มีความสลับซับซ้อนรุนแรง ทั้งเรื่องชีวิต การทำร้ายร่างกาย ยาเสพติด กรมจึงได้ทำวิจัยการสร้างข้อมูลจำแนกใหม่ พร้อมทั้งทำวิจัยเชิงลึกร่วมกับ สสส.ที่เป็นหุ้นส่วนในการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชน เพราะได้มาร่วมสร้างเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อการรับรู้และแก้ปัญหาเด็กทุกคนและเฉพาะรายบุคคล โดยใช้ระยะเวลา 2 ปี ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 6 เดือน อีกทั้ง ขณะนี้มีการนำวิชาหน้าที่พลเมืองกลับมาบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนใหม่เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะการสร้างให้เด็กรู้หน้าที่เป็นคนดีมีคุณภาพได้จะต้องทำให้เด็กมี 3 สิ่งนี้ คือ วินัย ความรับผิดชอบ และจิตสาธารณะ ซึ่งสถานพินิจคาดหวังไว้มากและพยายามนำเข้าไปสู่โปรแกรมทุกหลักสูตรของการอบรมเด็กในสถานพินิจ ที่ต้องปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ให้กับเด็กด้วยเช่นกัน” นายฐานิส กล่าว
อธิบดีกรมพินิจฯ กล่าวอีกว่า วันนี้กรมต้องวางระบบการทำงานที่ชัดเจน พร้อมทั้งปลูกฝังระบบส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่ที่เข้ามารับงานสามารถปฏิบัติงานได้ทันทีเป็นการควบคุมอนาคตเพื่อความสุข เพราะในปี 2558 จะต้องรับศึกหนักคนจะเลื่อนไหลเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ดังนั้น ยุทธศาสตร์การเพิ่มศักยภาพเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กรมพินิจฯ จะต้องเป็นต้นแบบองค์ความรู้เรื่องการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน บ่มเพาะเทคนิคประสบการณ์ เพื่อการส่งต่อความรู้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน เพราะการกระทำผิดต่อเด็กและเยาวชนจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเตรียมพร้อมเรื่องภาษา อาจจะต้องมีเรื่องสนธิสัญญาการโอนตัวเด็กและเยาวชน การสร้างสัมพันธภาพระหว่างประเทศ ฉะนั้น การจัดฝึกอบรมพนักงานคุมประพฤติเพื่อเตรียมความพร้อมรับอาเซียนจะต้องได้พนักงานที่พร้อมในทุกๆด้าน และทำงานอย่างเต็มความสามารถ ไม่บกพร่อง และเป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่จะฉายภาพต่อไปในอนาคต
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://jokky2012.blogspot.com/
