"แก้วสรร"มองบทบาท คตร. "...แค่คอยสแกนเท่านั้น"
"...เขาก็คงไม่อยากให้ คตร. มารับหอกอะไรมาก แค่คอยสแกนเท่านั้น เพราะอย่าง คตส. แม้ตอนนั้นจะทำอะไรถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านศาล ผ่านกระบวนการตามขั้นตอน ก็ยังถูกครหาว่าเลือกคนที่เราไม่ชอบเขา..."

เป็นระยะเวลา เกือบ 1 เดือนแล้ว ที่การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตามคำสั่งคสช.ฉบับที่45 /2557 เพื่อตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐให้โปร่งใสและอยู่ในระเบียบวินัยการเงินและการคลัง ที่มีพล.ท. อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบกเป็นประธาน
และเรียกความสนใจจากสังคมยิ่งขึ้น เมื่อ คตร.ประกาศเข้าไปตรวจสอบ 8 โครงการขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณในการทำโครงการเกิน 1 พันล้านบาท
ขณะเดียวกัน ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากเทียบกับขอบข่ายอำนาจของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) เมื่อปี 2549 แล้ว ถือว่าต่างกันพอสมควร
เนื่องจาก คตส.มีอำนาจไต่สวน-สอบสวน-ยื่นฟ้องต่อศาลเองได้, สั่งให้สถาบันการเงินระงับการทำธุรกรรมของบุคคลใดได้ ขณะที่ คตร. แม้มีบทบาทพิจารณาโครงการและการใช้เงินงบประมาณต่างๆ
แต่ก็ต้องส่งเรื่องให้หัวหน้าคณะคสช.และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) สอบสวนเพิ่มเติม ต่างจาก คตส.ที่มีอำนาจเด็ดขาด
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สัมภาษณ์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตคณะกรรมการ คตส. ถึงมุมมองที่มีต่อบทบาท คตร. ในวันนี้ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตจากบางส่วนในสังคมว่าไม่มีกระบี่ในมือเหมือนเช่น คตส.
@ : ในฐานะ ที่คุณเป็นอดีต คตส. คุณมอง คตร. ในวันนี้อย่างไร เพราะขอบข่ายอำนาจของ คตส. และ คตร. ต่างกัน
แก้วสรร : เขาก็คงไม่อยากให้ คตร. มารับหอกอะไรมาก แค่คอยสแกนเท่านั้น เพราะอย่าง คตส. แม้ตอนนั้นจะทำอะไรถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านศาล ผ่านกระบวนการตามขั้นตอน ก็ยังถูกครหาว่าเลือกคนที่เราไม่ชอบเขาไปฆ่าไปฟันอะไรเขา ส่วน คตร. ตั้งขึ้นมาอย่างไร ก็เป็นเหตุผลของเขา แต่ถ้า สตง. กับ ป.ป.ช. ทำงานเร็ว ก็จะยิ่งช่วยกันสแกนได้เร็ว เพราะ สตง. กับ ป.ป.ช. มีอำนาจอยู่แล้ว การตั้ง คตร. ขึ้นมาอาจตั้งขึ้นมาเพื่อจ้ำจี้จ้ำไช ผมมองแบบนี้นะ แต่จะไปมองว่าถูกผิดยังไง หรือจริงๆ แล้วเขาจะคิดยังไง ผมก็ยังไม่กล้าพูด เพราะไม่รู้ ยังไม่อยากพูด แต่ดูแล้วก็เหมือน คตร.ไปซ้อนองค์กรเหล่านี้อีกที
@ : 8 โครงการรัฐที่ใช้งบประมาณมากกว่าพันล้านบาท ที่ คตร. จะก้าวเข้ามาตรวจสอบ คุณมองอย่างไร
แก้วสรร : ผมต้องขอดูต้นเรื่อง ดูที่ปัญหาก่อน ตอนนี้ผมยังพูดไม่ได้
@ : อะไรคือ “ตัวชี้วัด” ที่คุณให้ความสำคัญ และถือว่า ถ้า คตร. ทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จ จะหมายความว่าการตรวจสอบทุจริตสัมฤทธิ์ผล
แก้วสรร : ผมแค่มองว่าตอนนี้ เขาเป็นตะแกรงรัฐตะแกรงแรก ยังไม่ต้องไปตรวจสอบอะไรมากแต่ก็คิดว่าน่าจะทำได้เร็ว คืออะไรที่สะอาด ไม่น่าจะมีปัญหา ก็ปล่อยไป แต่อะไรที่ไม่น่าจะสะอาด ทาง ป.ป.ช. และ สตง. ก็จะเป็นตัวเร่งเรื่อง รับเรื่องและเอาเรื่องมาดู คือถ้า ป.ป.ช. และ สตง. ทำได้เร็ว การตรวจสอบก็อาจทำได้กว้างกว่า คตส. เพราะตอนนั้น คตส. เราทำคนเดียวก็เหนื่อย ตอนนี้ คือเอา คตร. มากรองก่อน และในตอนนี้ ถ้าส่งเรื่องต่อให้ สตง. ป.ป.ช. ด้วย ก็คงจะได้งานได้มากหน่อย
@ : บทบาทความร่วมมือ ระหว่าง คตส. สตง. ป.ป.ช. ตอนนั้น เป็นย่างไร
แก้วสรร : ตอน คตส. เราไม่ต้องรอใคร เราส่งเรื่องเองได้เลย
ภาพประกอบจาก : www.bangkokbiznews.com
